‘GULF’ จ่อขยายการลงทุน‘สหรัฐ’ หาโอกาสทำดีล ‘ซื้อกิจการ’

‘GULF’ จ่อขยายการลงทุน‘สหรัฐ’ หาโอกาสทำดีล ‘ซื้อกิจการ’

GULF เดินหน้าโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าสหรัฐ หาดีล ซื้อกิจการ ย้ำไม่ได้รับผลกระทบภาษีทรัมป์ “สารัชถ์” นักธุรกิจไทยรายเดียวเข้าพบ “ทรัมป์”ที่กาตาร์ สหรัฐพร้อมรับการลงทุนไทย

จากที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ เดินทางถึงกาตาร์เมื่อ 14 พ.ค. 2568 ซึ่งเป็นประเทศที่ 2 ของการเยือนตะวันออกกลางอย่างเป็นทางการ โดย “ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี” เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ พร้อมด้วยเชื้อพระวงศ์ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลกาตาร์ ได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำรับรองที่ลูเซล พาเลซ เพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้นำสหรัฐและคณะ

สำหรับคณะของประธานาธิบดีสหรัฐ อาทิ นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายโฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายคริส ไรต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รวมถึง นายอีลอน มัสก์

‘GULF’ จ่อขยายการลงทุน‘สหรัฐ’ หาโอกาสทำดีล ‘ซื้อกิจการ’

รวมทั้งในงานเลี้ยงอาหารค่ำรับรองที่ลูเซล พาเลซ ยังมีตัวแทนนักธุรกิจจากสหรัฐ และประเทศในแถบเอเชีย อาทิ อินเดีย, และไทย ได้รับเชิญให้เข้าร่วมด้วย ซึ่งสำหรับไทย “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เป็นนักธุรกิจไทยเพียงรายเดียวที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าสหรัฐ บริษัทยังหาโอกาสที่จะทำธุรกิจเพิ่มเติม แต่ยังไม่มีแผนที่ชัดเจนว่าจะมีการลงทุนเพิ่มมากน้อยอย่างไร โดยบริษัทยังคงโฟกัสโครงการโรงไฟฟ้าที่เมืองชิคาโก

อย่างไรก็ดี บริษัทยังมองโอกาสซื้อกิจการโรงไฟฟ้า (M&A) อยู่ตลอด แต่ยังไม่ได้มีความชัดเจนและยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ เนื่องจากบริษัทประกอบธุรกิจพลังาน และมีสัญญาซื้อขายไฟระยะยาว ทั้งรัฐและลูกค้าอุตสาหกรรมที่กระจายในหลายธุรกิจ 

โดยมีสัดส่วนการขายไฟให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเพียง 6 ของปริมาณการขายไฟทั้งหมด ส่วนที่เหลือ 94% เป็นการขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) ซึ่งทำให้บริษัทได้รับผลกระทบจำกัดจากการปรับลงของค่า FT

ขณะเดียวกัน แนวโน้มในไตรมาส 2 ปี 2568 คาดจะเติบโตต่อ เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติหินกองที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ครบทั้ง 2 หน่วย และโครงการ solar rooftop ภายใต้ GULF1 ที่จะทยอยเปิดต่อเนื่อง และจากการที่บริษัทเข้าซื้อหุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เพิ่มเป็น 3.49% ขยับขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 4 ทำให้ได้รับเงินปันผลการลงทุนหนุนเติบโตในไตรมาส 2 ปี 2568

“การลงทุนเพิ่มใน KBANK เป็นการลงทุนทั่วไป เนื่องจาก KBANK มีความมั่นคง และได้รับเงินปันผลค่อนข้างดีที่ 7-8% และ Valuation ค่อนข้างดี P/VB ต่ำอยู่ที่ระดับ 0.6-0.7 เท่า และค่าพีอีที่ 7-8 เท่า แต่ยังไม่ได้มีแผนการร่วมงานกับ KBANK”

ด้านธุรกิจคลาวด์ (Cloud) บริษัทร่วมมือกับ Google เพื่อให้บริการ Google Distributed Cloud air-gapped นั้นเตรียมเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2568 และยังมีแผนรวมศูนย์การให้บริการ Cloud ร่วมกับ AIS เช่นกันในอนาคต

ดังนั้น บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้รวมเติบโต 25% จากปีก่อน โดยมีกำลังผลิตใหม่เพิ่ม 1,500 เมกะวัตต์, ธุรกิจนำเข้าก๊าซธรรมชาติ (LNG) ราว 4-5 ล้านต้น และธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data center) 25 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยเปิดให้บริการในเดือนพ.ค.นี้ รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้นในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC สัดส่วน 40.4% ราว 4,000 ล้านบาทต่อปี

พร้อมกันนี้ ยังคงงบลงทุนปีนี้ 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 70%, ธุรกิจดิจิทัลและลงทุน 20% และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติและธุรกิจก๊าซฯ 10% เช่น ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศ, โรงไฟฟ้าเขื่อนที่ต้องเริ่มทยอยลงทุนแล้ว รวมทั้งโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด และธุรกิจ Data Center 

ขณะที่ ผลการดำเนินงานของบริษัทไตรมาส 1 ปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มีมีรายได้รวม 32,343 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน มีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) 5,335 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จาก 4,152 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันปีก่อน จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH อีกเกือบ 2 พันล้านบาท