หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวกพุ่ง 18 จุด ขานรับดีลการค้าสหรัฐฯ-จีน คืนนี้จับตารายงานเงินเฟ้อสหรัฐ

หุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 13 พ.ค.2568 เวลา 10.05 น.บวก 18.07 จุด หรือ 1.49% หรืออยู่ที่ 1,229.01 จุด นักวิเคราะห์เผย วันนี้ “แกว่งขึ้น” ในกรอบ 1200-1250 จุด ขานรับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนในเชิงบวกกระตุ้นแรงเก็งสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น ด้านกลยุทธ์ยังคงแนะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี แนวโน้มกำไรฟื้นตัว และ Valuation ยังอยู่ในระดับที่น่าสะสม วันนี้แนะนำ PTTGC
ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ วันที่ 13 พ.ค.2568 เวลา 10.00 น. บวก 18.07 จุด หรือ 1.49% หรืออยู่ที่ 1,229.01 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3,688.49 ล้านบาท
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) เปิดเผยว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโมเมนตัมเชิงบวกจากการที่จะมีการปรับลดภาษีชั่วคราวระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน โดยด้านสหรัฐฯ จะลดการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจากระดับ 145% เหลือ 30% ส่วนด้านจีนก็จะปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯจากระดับ 125% เหลือเพียง 10% ถือว่าการเจรจาเบื้องต้นครั้งนี้ ค่อนข้างประสบความสำเร็จ และทำได้ดีกว่าคาด ดังนั้นจะเป็นหนุนเชิงบวกต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น
โดยด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นเด่น +2.8% ส่วนด้าน Dollar Index แข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สู่ระดับ 101.79 จุด (+1.4%) สะท้อนการลดความเสี่ยงต่อภาพเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯในช่วงถัดไป สอดคล้องกับตลาดพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งพบว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับขึ้น +9bps สู่ ระดับ 4.47% สูงสุดรอบ 1 เดือน บ่งชี้โอกาสที่ FED อาจไม่ต้องเร่งการปรับลดดอกเบี้ยมากนัก ในขณะที่ ราคาทองคำ ซึ่งเป็นตัวแทนของสินทรัพย์ปลอดภัย เริ่มเห็นแรงขายทำกำไร
สำหรับ SET คาดปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยรอบนี้มีแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1250-1300 จุด ท่ามกลางประเด็นสงครามการค้าโลกที่เริ่มผ่อนคลาย โดยเน้นเก็งกำไรหุ้นอิงเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เช่น กลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี, อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจในคืนนี้แนะติดตาม การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ CPI เดือนเม.ย. คาดทรงตัวที่ +2.4%y-y
หุ้นแนะนำ PTTGC แม้แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/68 จะยังไม่เด่นนักแต่จากสถานการณ์ล่าสุดของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่มีโมเมนตัมเชิงบวก คาดจะช่วยกระตุ้นความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมากยิ่งขึ้น และหนุนผลประกอบการฟื้นตัวในช่วงถัดไป ขณะที่ Valuation ล่าสุดซื้อขายเพียงระดับ PBV 0.3 เท่า ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าดึงดูด ราคาเป้าหมาย 22 บาท