ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 1,100 จุด S&P 500 พุ่ง 3% หลังจีน - สหรัฐลดภาษี

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นมากกว่า 1,100 จุด ดัชนี S&P 500 พุ่ง 3% ในวันจันทร์ หลังจีน - สหรัฐบรรลุข้อตกลงลดภาษีศุลกากรชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน ลดความกังวลเศรษฐกิจโลกจะถดถอย
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันจันทร์ (12 พ.ค.68) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทยว่า ดัชนีหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอีกครั้งในวันจันทร์ หลังจากสหรัฐ และจีนตกลงที่จะลดภาษีชั่วคราวหลังการเจรจาที่สวิตเซอร์แลนด์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความหวังว่าสงครามการค้าจะไม่ผลักให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average พุ่งขึ้น 1,160.72 จุด หรือ 2.81% ปิดที่ 42,410.10 จุด ดัชนี 30 หุ้นปิดตลาดใกล้ระดับสูงสุดของวัน โดยยังคงมีแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง
ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 3.26% ปิดที่ 5,844.19 จุด ทำให้กลับมาเป็นบวกจากจุดต่ำสุดในเดือนเมษายน ซึ่งร่วงลงเกือบ 20% จากที่ตลาดตกใจกับกำแพงภาษีตอบโต้ของทรัมป์ ณ ปัจจุบันดัชนีอ้างอิงได้ลดระดับการติดลบนับตั้งแต่ต้นปีเหลือเพียง 0.6%
ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite พุ่งขึ้นแรงสุด 4.35% และปิดที่ 18,708.34 จุด โดยข้อตกลงเบื้องต้นของสหรัฐกับจีนส่งผลให้หุ้นเทคโนโลยีที่ผูกติดกับจีน เช่น Tesla และ Apple พุ่งสูงขึ้น
ทั้งนี้ นับเป็นวันที่ดีที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน สำหรับดัชนีทั้งสาม
รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวเมื่อวันจันทร์ ว่าการเจรจากับจีนนั้น “มีประสิทธิผลมาก” และทั้งสองประเทศตกลงที่จะลดภาษีชั่วคราว โดยภาษีของสหรัฐ สำหรับสินค้าจีนลดลงเหลือ 30% และภาษีของจีนสำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ลดลงเหลือ 10% เบสเซนต์ กล่าวกับรายการ “Squawk Box” ของซีเอ็นบีซีเมื่อวันจันทร์ ว่า เขาคาดว่าจะได้พบกับตัวแทนจากปักกิ่งอีกครั้งใน “อีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า” เพื่อเริ่มร่างข้อตกลงที่ใหญ่กว่านี้
ราคาหุ้นของ Tesla พุ่งขึ้นเกือบ 7% ขณะที่ Apple และ Nvidia พุ่งขึ้น 6% และ 5% ตามลำดับ หุ้นของบริษัทที่พึ่งพาสินค้าจีนมากที่สุดพุ่งขึ้นมากที่สุด หุ้น Best Buy พุ่งขึ้น 6%, Dell Technologies พุ่งขึ้นเกือบ 8% และ Amazon พุ่งขึ้นมากกว่า 8%
นักลงทุนประหลาดใจกับการลดภาษี
“ตลาดกำลังฟื้นตัว เนื่องจากนักลงทุนประหลาดใจกับความคืบหน้าของข้อตกลงภาษีการค้ากับจีน” เจฟฟ์ คิลเบิร์ก ซีอีโอของ KKM Financial กล่าว
ความตึงเครียดระหว่างจีน และสหรัฐ พุ่งสูงขึ้นในเดือนเมษายน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 145% จากนั้นปักกิ่งก็ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 125% ดัชนี S&P 500 เกือบจะปิดตลาดในแดนหมีเมื่อเดือนที่แล้วหลังจากมีการประกาศ “วันปลดปล่อย” ของทรัมป์ โดยลดลงเกือบ 20% จากระดับสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนกุมภาพันธ์
จากนั้นหุ้นก็ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากทรัมป์ลดอัตราภาษีแบบ “ตอบโต้” พิเศษต่อประเทศส่วนใหญ่เว้นจีนเป็นเวลา 90 วัน
นักลงทุนต่างเดิมพันว่าในช่วงที่ตลาดฟื้นตัว รัฐบาลจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ในอีกสามเดือนข้างหน้า รวมถึงกับจีนด้วย และตอนนี้ก็เริ่มมีผลแล้ว สหรัฐ และสหราชอาณาจักรได้ประกาศกรอบข้อตกลงการค้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และในสัปดาห์นี้ ข้อตกลงเบื้องต้นกับจีนก็เกิดขึ้น ซึ่งปรากฏว่าดีกว่าที่นักลงทุนคาดไว้
ตัวทรัมป์เองก็ได้เสนอว่าภาษีนำเข้าจากจีนอาจลดลงเหลือ 80% หากการเจรจาเป็นไปด้วยดี และมีรายงานว่าตัวเลขอยู่ที่ 60% ซึ่งสูงกว่าตัวเลข 30% ที่ได้จากการเจรจากันในช่วงสุดสัปดาห์ที่มีเดิมพันสูงมาก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ตั้งข้อสังเกตว่าข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับปักกิ่งจะไม่เกิดผลสำเร็จในเร็วๆ นี้
“ไม่มีใครคิดว่าอัตราภาษีนำเข้าจากจีนจะต่ำเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมาก” เจฟฟ์ บัคบินเดอร์ หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านตลาดหุ้นของ LPL Financial กล่าว แต่ “นี่คือการลดระดับความตึงเครียด ไม่ใช่ข้อตกลงการค้า ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำ การหยุดพักเก็บภาษีสูง ไม่ใช่การถาวร จีนได้รับข้อตกลงเดียวกันกับประเทศอื่นๆ”
ความกลัวเศรษฐกิจถดถอยลดลง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากข้อตกลงสหรัฐกับจีนถูกมองว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ในตอนนี้ นอกจากนี้ ยังทำให้ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้น้อยลง ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มคลี่คลายลง
หุ้นป้องกันความเสี่ยงที่นักลงทุนหลบภัยระหว่างความวุ่นวายเรื่องภาษีศุลกากรปรับตัวลดลงในวันจันทร์ โดยราคาหุ้น Coca-Cola
ร่วงลง 1.4% และ Philip Morris ร่วงลง 2.9% ส่วน AT&T ร่วงลงเกือบ 3%
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์






