หุ้นญี่ปุ่น โตไม่เร็ว แต่ปันผลดี เตรียมพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากเงินฝืด

บล.ลิเบอเรเตอร์ เผย หุ้นญี่ปุ่น โตไม่เร็ว แต่ปันผลดี หลังกำลังจะหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด ขณะที่กฎหมายใหม่ Governance Reform ทำให้ผู้ลงทุนได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น และ Bloomberg ระบุ มีเงินเข้าหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านล้านเยน
บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ระบุว่า เมื่อ 2 เม.ย.2568 อเมริกาได้ประกาศ มาตรการตอบโต้ ภาษีการค้า (Reciprocal tariff) ทำให้ทั่วโลกกำลังจะเจอภาษีการค้า 20-90% ภาษีใหม่ที่อเมริกาประกาศทำให้ของที่นำเข้าแพงขึ้นทันตาเห็น คนที่ขายของไปอเมริกาอย่างเวียดนาม อินเดียเจอหนักแน่ เพราะลูกค้าก็ต้องไปหาของที่ถูกกว่าที่อื่นแทน พอเป็นแบบนี้ตลาดหุ้นหลายๆ ประเทศก็เริ่มกังวลกัน ตัวเลขการเติบโตของทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนก็ออกมาไม่สู้ดีนักทั้งคู่ ตลาดตอนนี้เลยอยู่ในช่วง หาที่ลงทุนใหม่ที่ปลอดภัยขึ้นมาหน่อย ไม่ใช่คู่กรณี 2 ประเทศหลักแบบอเมริกาและจีน
ทั้งนี้ คนกำลังมองหาหุ้นที่ปลอดภัย เน้นขายของในประเทศเพราะภาษีการค้าจะเกิดขึ้นกับหุ้นที่ส่งออก เช่น รถยนต์ญี่ปุ่น, ชิ้นส่วนชิปส์, แร่หายาก ดังนั้น ถ้าเราจะหลบภัยตอนนี้ เราต้องหา หุ้นที่เน้นขายของในประเทศ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนก็ยังต้องกินต้องใช้บริการธุรกิจเหล่านี้ เช่น ธนาคาร สถาบันการเงินในประเทศ, ร้านค้าปลีก, ขายของกิน ซึ่งญี่ปุ่นมีหุ้นกลุ่มพวกนี้ซ่อนอยู่และกำลังทำได้ดีด้วย
ซึ่ง หุ้นญี่ปุ่น เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ที่คนลงทุนน้อย เพราะ เศรษฐกิจญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ไม่เซ็กซี่ หุ้นไม่เติบโต จะซื้อพันธบัตรก็ได้ดอกเบี้ยต่ำ เทียบกับที่อื่นแล้ว กู้เงินญี่ปุ่นไปลงทุนที่อื่นยังจะดีกว่า แต่ในตอนนี้ที่คนมองหาตลาดที่ปลอดภัยขึ้น ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ดันมีนักลงทุนถือหุ้นน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่อื่นๆ ในขณะที่คนส่วนใหญ่ นำเงินไปใส่หุ้นอเมริกาเอาไว้ หุ้นญี่ปุ่นมีคนถือเพียงแค่ 14% เท่านั้นแบบนี้ทั้งพื้นฐานและ Flow เงินก็เข้าทางญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีโอกาสเจรจาจบไว ท่าทีของสหรัฐอเมริกาตอนนี้ เริ่ม "ร้อนรน" แล้วเจรจากับหลายๆ ประเทศมากขึ้น ล่าสุดสหรัฐอเมริกาได้ตกลงทางการค้ากับอังกฤษไปแล้วเรียบร้อย พันธมิตรของอเมริกาแบบญี่ปุ่นก็มีแนวโน้มที่จะเจรจาได้ และลดภาระภาษีเหลือ 10% แทนที่จะโดน 26% ตอนนี้ แต่ญี่ปุ่นเองก็ต้องนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศอยู่แล้ว ญี่ปุ่นสามารถใช้เรื่องนี้เป็นแกนในการตกลงเจรจาได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่อเมริกาบอกว่ายกเว้นให้ก่อน 90 วัน (หมดเวลายกเว้นช่วง 10 ก.ค. 68) เราเลยเริ่มเห็นหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นมาบ้าง
จากวันที่ 8 เม.ย.จนถึงวันที่ 6 พ.ค. 68
- ดัชนี S&P500 ของอเมริกาขึ้นมาแล้ว 13%
- ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงขึ้นมาแล้ว 13.18%
- ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นขึ้นมาแล้ว 14.36% ญี่ปุ่นปรับตัวดีที่สุด
- ดัชนี SET ของไทยขึ้นมาแล้ว 10.71%
ทั้งนี้หุ้นญี่ปุ่น โตไม่เร็ว แต่ปันผลดี มีปัจจัยผลักดันให้โตขึ้น 3 เรื่องหลัก
1.ญี่ปุ่นกำลังจะหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด ซึ่งญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ติดหล่มในยุคเงินฝืด คนญี่ปุ่นไม่กล้าเอาเงินออกมาใช้จ่าย มาลงทุนกัน และขณะนี้หลังจากที่ข้าวของเริ่มแพงขึ้น เงินเดือนของคนญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้น คนเริ่มใช้เงินมากขึ้น ความหวังที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังจะหลุดพ้นจากภาวะ "ทศวรรษที่สูญหาย" ทำให้คนเริ่มมั่นใจกับญี่ปุ่นมากขึ้น
2.กฎหมายใหม่ Governance Reform ทำให้ผู้ลงทุนได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น
ตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นได้มีนโยบายใหม่มาสนับสนุนเพิ่ม โดยกำหนดให้บริษัทฯ ที่อยู่ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น
เปิดเผยข้อมูลให้กับนักลงทุนมากขึ้น ต้องมีฉบับภาษาอังกฤษให้นักลงทุนต่างประเทศ
ถ้ามี P/BV ต่ำกว่า 1 จะต้องจ่ายปันผล หรือ ปรับโครงสร้างบริษัทฯ ให้ทำกำไรได้เพิ่มขึ้น
ถ้าไม่มีแผนทำกำไรเพิ่ม แนะนำให้บริษัทฯ ประกาศแผนซื้อหุ้นคืน หรือ จ่ายปันผล
ปัจจุบันหุ้นปันผลชั้นดีของญี่ปุ่นมี อัตราเงินปันผล
การซื้อหุ้นคืนจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้ และตัวเลขสำคัญที่สุดอย่าง กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เพิ่มขึ้น
3.มีเงินแห่ไหลเข้าญี่ปุ่น เหมือนกับกำลังหลบพายุ Bloomberg ระบุว่ามีเงินเข้าหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านล้านเยน และ พันธบัตรญี่ปุ่น 6.1 ล้านล้านเยน ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ ญี่ปุ่นตอนนี้มี EPS เติบโตขึ้นและ P/E ยังต่ำ ราคายังไม่แพง และEPS โตขึ้น P/E ยังต่ำ แบบนี้อาจเป็นโอกาสรอบใหญ่ได้เลยหรือเปล่า?
ทั้งนี้ อยากลงทุนให้ปลอดภัย กองทุนหุ้นญี่ปุ่น ช่วยได้ กองทุน ONE-UJE-RA กองทุนนี้เป็น Feeder Funds ที่จะโยกเงินไปปรับสัดส่วน เลือกหุ้นญี่ปุ่นที่เหมาะสมกับช่วงนั้นๆ มาให้ ซึ่งในขณะนี้คนมองหาความปลอดภัยจะเน้นหาหุ้นพื้นฐานดี เน้นค้าขายในประเทศเป็นหลัก บริษัทฯ ที่กองทุนนี้ถืออยู่ เช่น โซนี่, มิตซูบิชิ, โตเกียวมารีน, ยูนิโคล่
โดยมุมมองทางเทคนิค ถ้าเราประเมินจากดัชนี Nikkei ซึ่งเป็นตัวแทนหุ้นญี่ปุ่น แนวต้าน 37,000-40,700 จุด แนวรับ 35,000 จุด / 30,500 จุด / 26,000 จุด ดังนั้น ถ้าจะมองหาจังหวะลงทุน เราควรมองหาสัญญาณกลับตัวที่แนวรับทั้ง 3 ระดับ
เริ่มต้นลงทุนกองทุนนี้ด้วยเงิน 120,000 บาท ตั้งแต่ปี 2021 ตอนนี้มีเท่าไหร่?
มาลองดูกันว่าถ้าเราย้อนกลับไปได้ มี 3 ทางเลือก ตอนนี้จะมีเงินเท่าไหร่
- Lumpsum มีเงินก้อน พร้อมลงทุนทีเดียวเลย 120,000 บาท
- DCA ทยอยเก็บเงินเดือนละนิดๆ แล้วทยอยลงทุนระยะยาว เดือนละ 2,500 บาท
- ไม่ลงทุนเลย ยอมสู้กับเงินเฟ้อ เงินสดเรามูลค่าจะลดลงไป 5%







