โบรกยก ‘กลุ่มโรงไฟฟ้า’ โดดเด่น ลุ้นครึ่งปีหลัง กนง. ลดดอกเบี้ยต่อ ยันลดค่าเอฟทีกระทบสั้น

โบรกยก ‘กลุ่มโรงไฟฟ้า’โดดเด่น ลุ้นครึ่งปีหลัง กนง. ลดดอกเบี้ยต่อ ยันลดค่าเอฟทีกระทบสั้น ชู “หุ้นกัลฟ์-จีพีเอสซี” โดนผลกระทบน้อยสุด หลังกระจายธุรกิจอื่นเพิ่ม
“กลุ่มโรงไฟฟ้า” ยังคงโดนแรงกดดันและปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก “นโยบายลดค่าครองชีพประชาชน” ของภาครัฐ สะท้อนผ่าน ล่าสุดหลังจากที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบให้ “ปรับลดค่าไฟฟ้า” งวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2568 ลงมาอยู่ที่ 3.98 บาทต่อหน่วย จากเดิมที่เคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2568 ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย และล่าสุด กกพ. มีมติเห็นชอบงวดเดือนก.ย.-ธ.ค. 2568 เป็น 3.99 บาทต่อหน่วย
“นักวิเคราะห์” มองว่า เป็นผลกระทบระยะสั้น ๆ กับหุ้นที่มีโรงไฟฟ้าแบบ SPP แต่ในระยะยาวยังสามารถลงทุนได้ และยังมีความน่าสนใจ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลดีต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ถึงปีหน้า กนง. น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ ซึ่งหากราคาปรับย่อลงมา แนะนำให้ทยอยสะสมได้
“วิจิตร อารยะพิศิษฐ” นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภาพรวมของกลุ่มโรงไฟฟ้าสัญญาณระยะสั้นอาจจะโดนปัจจัยลบบ้างเล็กน้อยจากการปรับลดค่าไฟ เพราะราคาขายในกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ก็จะลดลง ซึ่งหุ้นที่ลิงค์กับโรงไฟฟ้า SPP ก็อาจจะเจ็บตัวบ้าง แต่ทว่าสัญญาณของราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาตลาดก็ตอบรับ “ซึมซับ” ปัจจัยนี้ไปบ้างแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลพยายามกดราคาค่าไฟให้ต่ำกว่า 4 บาท อย่างไรก็ตาม ผลกระทบเชิงลบอาจจะไม่ได้มาก เพราะสัญญาณการรับรู้ของตลาดรับรู้ไปก่อนหน้านั้นแล้ว
ขณะที่ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของกนง. ถือเป็นโมเมนตัมจิตวิทยาที่ดี ทำให้ตลาดไม่ได้มีความกังวล บวกกับในเชิงพื้นฐานของหุ้นขณะนี้ส่วนใหญ่หุ้นที่ได้รับผลกรทบจากโรงไฟฟ้า SPP คือหุ้น บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM และ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ซึ่งมีสัดส่วนโรงไฟฟ้าที่เป็น SPP สูง ซึ่งอาจจะโดนกระทบมากกว่าหุ้นตัวอื่น ๆ และ ณ ปัจจุบัน Valuation ถูกกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกัน
ส่วน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เพราะกระจายลงทุนไปในหลาย ๆ ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจดาต้า เซนเตอร์ หรือธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ได้รับผลกระทบค่อนข้างจำกัด
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าอาจจะโดนกระทบเชิงลบจากปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาบ้าง แนะนำนักลงทุนว่า หากย่อลงมาก็ยังสามารถเข้าซื้อได้ และหากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ สามารถเลือกลงทุนในหุ้น GULF เนื่องจากการปรับลดค่าไฟไม่ได้รับผลกระทบ ขณะที่เทรนด์ธุรกิจสื่อสารอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น ขณะเดียวกัน GULF มีการเข้าไปลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่สูง
“กรภัทร วรเชษฐ์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บล.กรุงศรี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การปรับลดค่าไฟลงอาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อ “กำไร” อย่างไรก็ตาม ระดับของการปรับลดค่าไฟลงก็ยังไม่ได้ปรับลงเร็วมาก เมื่อเทียบกับต้นทุนลดลงจากราคาพลังงาน ต้องบอกว่ากลุ่มโรงไฟฟ้ายังได้ประโยชน์เชิงบวก และยิ่งวงจรดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ดอกเบี้ยบ้านเราสัญญาณธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นอกจากจะลดมาแล้ว สัญญาณยังเป็น Dovish ด้วย จึงมองภาพรวมของกลุ่มนี้ยังเป็นบวก
“ภาพของดอกเบี้ยขาลง ทําให้ภาพ Weighted average cost of capital ฉะนั้น ในภาพรวมของการ Relating กลุ่มนี้จะเป็นภาพบวก ยังคงแนะนําเหมือนเดิมเน้นลงทุนใน GULF และ GPSC”
สำหรับ ในระยะกลาง-ระยะยาว ยังคงแนะนำซื้อ เพราะทิศทางอัตราดอกเบี้ยปีนี้และปีหน้ายังคงเป็นขาลงทั้งบ้านเราและต่างประเทศด้วย และยังคงมอง GULF และ GPSC เป็นตัวเด่นที่สุดในกลุ่ม
“อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ให้ข้อมูลต่อไปว่า การลดค่าไฟเป็นเรื่องที่รัฐบาลมีนโยบายหาเสียง ซึ่งนักวิเคราะห์มีการปรับประมาณการลงไปแล้ว โดยใช้สมมติฐานค่าเอฟทีที่ประมาณ 3.60 บาทต่อหน่วย ซึ่งต่ำกว่าที่รัฐบาลบอกไว้ที่ประมาณไว้เกิน 4.00 บาท
โดยในส่วนของ Earning กลุ่มดังกล่าวของเราและตลาดไม่น่าได้รับผลกระทบ เพราะฉะนั้น ในสิ่งที่ได้มีการคาดการณ์มากกว่าไว้ รวมถึงราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลงก็จะเป็นผลดีกับหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ยังคงชอบกลุ่มโรงไฟฟ้าอยู่ เนื่องจากฐานะการเงินแข็งแกร่ง แล้วก็รวมถึงปันผลดี โดยเฉพาะหุ้น EGCO รวมถึงง GULF ที่ยังคงแนะนำซื้อ
ขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าก็ได้รับอานิสงส์เชิงบวกเช่นกัน และะคาดว่า กนง.จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้อีกในช่วงครึ่งปีหลังนี้







