IVL พลิกขาดทุน 1.3 พันล้าน หรือ 215 % ปริมาณขายและสินค้าคงคลังลดลง

IVL พลิกขาดทุน 1.3 พันล้าน หรือ 215 % ปริมาณขายและสินค้าคงคลังลดลง

IVL พลิกขาดทุน Q1/68 ที่ 1.3 พันล้านบาท ลดลง 215 % ผลกระทบรายได้ลดจากปิดซ่อมบำรุงตามแผนงานและเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่มาจากการลดลงของสินค้าคงคลังในกลุ่ม Intermediate Chemicals

            นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฯ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL     รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568   พลิกขาดทุน 1,312 ล้านบาท ลดลง 215 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไร  1,132 ล้านบาท โดยรายได้รวมลดลง 9% เมื่อเทียบ กับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา (YoY) สะท้อนถึงการผลิตที่ลดลงเป็นหลัก อันเนื่องมาจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนงานในโรงงาน Intermediate Chemicals สองแห่ง รวมถึงผลกระทบจากภาวะหนาวจัดในสหรัฐ 

             

         ด้านปริมาณการผลิตลดลง 5% QoQ และ6% YoY เป็น 3.27 ล้านเมตริกตัน (MMT)ขณะที่ปริมาณการขายลดลง 4% QoQ และ8% YoY เหลือ3.24 MMT ในส่วนสินค้าคงคลังยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียง กับช่วงไตรมาสก่อน (QoQ) โดยการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่มาจากการลดลงของสินค้าคงคลังในกลุ่ม Intermediate Chemicals แต่มีการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลังในอเมริกาใต้เพื่อเตรียมการสำรองในช่วงซ่อมบำรุงประจำวาระตามแผนที่จะเกิดขึ้น

          ปัจจุบัน ภาวะดังกล่าวได้กลับเป็นปกติแล้วในไตรมาสที่2 ในไตรมาสแรกของปี 2568 บริษัทฯ รายงาน Adj. EBITDA อยู่ที่ 276ล้านเหรียญสหรัฐ รวมการปรับผลกระทบจากภาวะหนาวจัด มูลค่า12 ล้านเหรียญสหรัฐนับเป็นไตรมาสที่ผลงานต่ำกว่าคาด กล่าวคือลดลง 23% QoQ และ30% YoY สาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานในกลุ่ม CPET

           

              ขณะที่กลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ยังคงมีความแข็งแกร่ง กลุ่มธุรกิจ CPET และIntermediate Chemicalsรายงาน Adj. EBITDA ที่126ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลง 43% QoQ และ50% YoY)  โดยได้รับ ผลกระทบอย่างมากจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงงานแครกเกอร์ที่ Lake Charlesและโรงงานไกลคอลที่ Clear Lake

           รวมถึงความกดดันจาก benchmark spreadsของ integratedPET และ MTBE ประกอบกับ อัตราค่าระวางเรือที่ลดลงและต้นทุนพลงังานที่สูงขึ้น สำหรับกลุ่มธุรกิจ Indovinya รายงานอยู่ที่ 89 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10% QoQ และ 18% YoY โดยได้รับแรงหนุนจากประสิทธิภาพด้านต้นทุนคงที่ดีขึ้นตลอดทั้งปีปริมาณการขายปรับตัวดีขึ้น โดยผลประกอบการที่ดีขึ้นเทียบกับไตรมาสก่อนมาจากแรงหนุนของกำไรจาก ผลิตภัณฑมูลค่าเพิ่ม (HVA) ปรับตัวดีขึ้น

   

        ธุรกิจFibers มีการเติบโตที่แข็งแกร่งรายงานอยู่ที่ 47ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 43% QoQ และ22% YoY โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณขาย ที่เพิ่มขึ้นในตลาดปลายทางโดยรวม และจากกำไรที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hygiene   นับแต่ปีนี้เป็นต้นไป บริษัทฯ จะเริ่มรายงานผลประกอบการของ Indovida ซึ่งเป็นธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ได้แยกเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจ โดย Indovidaรายงาน Adjusted EBITDA อยู่ที่ 21ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 1 ปี 2568 ลดลง6% จากไตรมาสก่อนหน้าแต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากส่วนผสมการขายของผลิตภัณฑ์(sales mix)

         ขณะที่ปริมาณยอดขายยังคงมีเสถียรภาพ ต้นทุนคงที่โดยรวมของบริษัทฯ ลดลงจากไตรมาสก่อนหนา้(QoQ) ประมาณ 5ล้านเหรียญสหรัฐ และลดลงประมาณ 30ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา (YoY)โดยหลักมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์และมาตรการการจัดการของฝ่ายบริหาร   ต้นทุนคงที่ที่ลดลงได้ประโยชน์จากการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์คิดเป็น 4ล้านเหรียญสหรัฐ จากไตรมาสก่อนและ 33ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบจากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา

          บริษัทฯ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 416 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการผันกำไรเป็นเงินสด EBITDA conversion ที่ 152% มาจากการที่ระดับเงินทุนหมุนเวียนกลับเป็นปกติจากระดับที่คงไว้สูงในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากบริษัทฯ จำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพใน ห่วงโซ่อุปทานหลังจากที่ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างสินทรัพย์

      ทั้งนี้บริษัทฯ สามารถลดระดับหนี้สินสุทธิได้100 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก ระดับหนี้สินเมื่อเดือนธันวาคม 2567 แม้ว่าบริษัทฯ จะมีค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา (growthand maintenance CAPEX) มูลค่า 183ล้านเหรียญสหรัฐ จากการปิดซ่อมบำรุงตามแผน รวมถึงโครงการเติบโตธุรกิจอื่น ๆ งดังกล่าว