ดาวโจนส์ร่วงเกือบ 400 จุด หวั่นข้อตกลงการค้าไม่เกิดขึ้น

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงเกือบ 400 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลงติดต่อกัน 2 วัน ขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าสหรัฐและคุ่ค้าจะบรรลุข้อตกลงการค้ากันได้อย่างไร ตลาดจับตาประชุมเฟด
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดวอลล์สตรีทวันอังคาร(6 พ.ค.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทยว่า ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงในวันอังคาร หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงการค้าโลกอย่างไม่ชัดเจน ส่งผลให้ความหวังที่ว่าจะมีการคืบหน้าในเร็วๆ นี้เกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรนั้นสูญสิ้นไป นักลงทุนยังรอคอยผลการตัดสินใจด้านนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average
ปิดที่ 40,829.00 จุด ลดลง 389.83 จุด หรือ 0.95% ดัชนี S&P 500
ปิดที่ 5,606.91 จุด ลดลง 0.77% และดัชนี Nasdaq Composite
ปิดที่ 17,689.66 จุด ลดลง 0.87% ดัชนีหลักทั้งสามปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2
หุ้นยักษ์ใหญ่ร่วงตามกัน
ราคาหุ้นของ Tesla ร่วงลง 1.8% หลังจากยอดขายรถยนต์ใหม่ของบริษัทในอังกฤษและเยอรมนีลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีในเดือนเมษายน แม้ว่าความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นก็ตาม หุ้นของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.8% ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Nvidia และ Meta Platforms ก็ร่วงลงเช่นกัน
คาร์นีย์นายกฯแคนาดาพบทรัมป์
หุ้นผันผวนหลังจากที่ทรัมป์ได้พบกับนายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ ของแคนาดาในบ่ายวันอังคาร ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นการเจรจาระหว่างผู้นำทั้งสองนับตั้งแต่คาร์นีย์ เข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นปีนี้
ระหว่างการประชุม ทรัมป์ได้ถอนคำสัญญาที่ว่าข้อตกลงการค้าจะเกิดขึ้นในไม่ช้า โดยกล่าวว่า “เราไม่จำเป็นต้องลงนามข้อตกลง” ถ้อยแถลงของเขาขัดแย้งกับความเห็นของสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเมื่อต้นสัปดาห์นี้เบสเซนต์ กล่าวกับทีวีซีเอ็นบีซี เมื่อวันจันทร์ว่า “เราใกล้จะบรรลุข้อตกลงบางส่วนแล้ว” โดยสะท้อนความคิดเห็นที่ทรัมป์พูดเมื่อวันอาทิตย์ว่าข้อตกลงอาจเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดในสัปดาห์นี้
เบสเซนต์ย้ำความรู้สึกนี้อีกครั้งในการให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการจัดสรรงบประมาณของสภาในวันอังคาร โดยระบุว่า “ประมาณ 97% หรือ 98% ของการขาดดุลการค้าของเราอยู่กับ 15 ประเทศ โดย 18% ของประเทศเหล่านี้เป็นหุ้นส่วนการค้าหลักของเรา และผมจะแปลกใจ หากเราไม่สามารถสรุปการเจรจาสำหรับ 80% หรือ 90% ของยอดขาดดุลการค้าทั้งหมดได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งอาจจะเร็วกว่านั้นมาก”
คาดหุ้นตกต่อหากทรัมป์ยังคงภาษีจีนไว้สูง
ขณะข้อตกลงการค้าอย่างเป็นทางการระหว่างสหรัฐฯ และหุ้นส่วนการค้ายังไม่ได้มีการประกาศออกมา และแม้ว่าข้อมูลที่สถาบันการจัดการอุปทานออกเมื่อวันจันทร์จะแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมภาคบริการในเดือนเมษายนแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ แต่ความกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรยังคงมีอยู่
“เราอาจจะตกลงสู่ระดับต่ำสุดใหม่ แม้ว่าทรัมป์จะปรับลดภาษีสินค้าจีนลงเหลือ 50% ก็ตาม” พอล ทิวดอร์ โจนส์ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์มหาเศรษฐี กล่าวกับซีเอ็นบีซี เมื่อวันอังคาร “เขาจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเหลือ 50% หรือ 40% ก็ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะปรับลดอัตราภาษีลงก็ตาม … ก็ยังถือเป็นการเพิ่มภาษีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 60 ดังนั้น คุณจึงสามารถหักลดการเติบโตได้ 2% หรือ 3%”
การประชุมของเฟด
เฟดเริ่มการประชุมนโยบาย 2 วันในวันอังคาร โดยมีกำหนดการตัดสินใจในวันพุธ คาดว่า ธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ โดยสัญญาการซื้อขายล่วงหน้าที่โยงกับดอกเบี้ยเฟดบ่งชี้ว่ามีโอกาสเพียง 3.1% ที่จะลดดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าจะคอยฟังความเห็นของประธานเฟด เจอโรม พาวเวล เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ
“แม้จะมีแรงกดดันภายนอกให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย เฟดก็มีแนวโน้มที่จะยืนหยัดอย่างมั่นคงในช่วงที่หยุดชะงักนี้ จนกว่าเราจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับปัจจัยเศรษฐกิจหลักที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ” สตีฟ ริค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ TruStage กล่าว “ในขณะที่ผลกระทบของภาษีศุลกากรเริ่มคลี่คลายลง เราคาดว่าเศรษฐกิจจะยังคงเติบโตในอัตราที่ช้าลงกว่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา”







