BCH คาดกำไรไตรมาส 1/68 ไม่โดดเด่น เหตุไม่ปรับลดรายได้กลุ่มโรคซับซ้อน 

BCH คาดกำไรไตรมาส 1/68 ไม่โดดเด่น เหตุไม่ปรับลดรายได้กลุ่มโรคซับซ้อน 

บล.ลิเบอเรเตอร์ เผย BCH คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ทรงตัว y-y ได้ แม้ไม่มีผู้ป่วย GOP คูเวต และมีช่วงรอมฎรเต็มเดือน มี.ค.ไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการส่งผู้ป่วย GOP คูเวตกลับมารักษา ยังคงประมาณการตามเดิม ขณะที่ Valuation ไม่ดึงดูดนัก

จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/68 ยังไม่เด่น โดยเราคาด 319 ล้านบาท ขยายตัว +37.0% q-q เนื่องจากไม่มีการปรับลดรายได้กลุ่มโรคซับซ้อนเหมือนในไตรมาสก่อน เนื่องจากปีนี้ สปส. มีการค้ำประกันรายได้ไปแล้ว ขณะที่กำไรสุทธิคาดทรงตัว y-y แม้ไม่มีรายได้จากผู้ป่วย GOP จากคูเวต และเป็นช่วงรอมฎรเต็มเดือน มี.ค.2568 แต่ผู้ป่วยในประเทศขยายตัวดีชดเชยได้ ส่งผลให้รายได้คาดยังขยายตัวได้ +4.9% q-q และ +1.9% y-y และ EBITDA Margin ที่ทรงตัว y-y

ทั้งนี้ จากการรีโนเวท รพ.เกษมราษฎร์ ปทุมธานี เดิมเป็น รพ.การุญเวช ปทุมธานี แล้วเสร็จในไตรมาส 1/68 ทำให้จำนวนโควต้า สปส. เพิ่มขึ้นราว +20,000 คน เป็น 210,000 คน

ขณะที่ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ไม่มีความคืบหน้าว่ารัฐบาลคูเวตจะส่งคนไข้ GOP กลับมารักษา ซึ่งกระทบกับหลายประเทศทั่วโลกไม่ใช่แค่ไทย เรามองว่าตลาดมีแนวโน้มตัดความหวังนี้ออกไปแล้วโฟกัสที่การเติบโตของประเทศอื่นๆ อาทิ CLMV, UAE และซาอุฯที่กำลังเซ็นข้อตกลงกับรัฐบาลไทย

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารยังคงเป้าเดิมที่จะเห็นกำไรสุทธิของสาขา อรัญประเทศ และเวียงจันทน์ในครึ่งปีหลังของปีนี้ ส่วนสาขาปราจีนบุรีคาดว่า EBITDA จะติดลบน้อยลงในไตรมาส 1/68 แต่จะยังไม่เห็นกำไรในปีนี้

โดยคำแนะนำ เราคงประมาณการปีนี้ แม้กำไรสุทธิคาดการณ์ไตรมาส 1/68 คิดเป็น 19.0% ของประมาณการทั้งปี เนื่องจากไตรมาส 1 เป็นช่วง Low season แต่เราคาดจะทยอยขยายตัว q-q ในไตรมาส 2-ไตรมาส 3/68 เป็นต้นไป เราคงประมาณการ และแนะนำตามเดิม

“กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 4/67 จากรายได้กลุ่มโรคซับซ้อน ที่ถูกปรับปรุงลง อย่างไรก็ปีนี้และปีหน้า จะยังไม่มีรพ.ใหม่เข้ามาเติมพอร์ต แต่เป็นการรีโนเวท รพ. เดิม เรามองว่ากำไรของ BCH จะทยอยขยายตัวได้ตามลำดับ ก่อนที่จะเปิดสาขาสุวรรณภูมิจำนวน 268 เตียง ในช่วงต้นปี 2570 ในด้าน Valuation นั้น BCH ซื้อขายที่ P/E25E 22.4x แพงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มราว 19.1% ทำให้ในระยะสั้นยังไม่เด่นนัก เหมาะการสะสมลงทุนระยะยาว”