GULF ถือ KBANK เพิ่ม หนุนปันผล - ผงาดผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4

GULF ถือหุ้น KBANK เพิ่มหนุนปันผล ‘ยุพาพิน’ ลั่นซื้ออีกตามภาวะตลาด ล่าสุดขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 พร้อม ย้ำเข้าถือ ADVANC แตะ 40% หนุน “กำไร” ไตรมาส 2 ปี 68 เติบโต
จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า หลังปิดสมุด ณ วันที่ 18 เม.ย.2568 ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ล่าสุด พบรายชื่อหนึ่งใน “ผู้ถือหุ้นใหญ่” คือ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ด้วยจำนวน 82,679,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 3.49%
หลังจาก ณ วันที่ 13 มี.ค.2568 เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 5 ด้วยจำนวน 77,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 3.25% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมด ซึ่งการเข้ามาซื้อหุ้น KBANK เพิ่มเติมรอบนี้ ทำให้อันดับผู้ถือหุ้นกัลฟ์ ได้แซงหน้าสำนักงานประกันสังคม ซึ่งลงมาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่ 5 แทน จำนวน 79,053,140 หุ้น สัดส่วน 3.34% เดิมประกันสังคมเป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่ 4 จำนวน 80,643,140 หุ้น สัดส่วน 3.40%
ดังนั้น กัลฟ์เข้าลงทุนในหุ้น KBANK โดยมุ่งหวังผลตอบแทนจากปันผล และ Upside จากราคาหุ้นดังกล่าวในอนาคต คาดหวังรับรู้เงินปันผลเข้าในไตรมาส 2 นี้ จำนวนมากกว่า 800 ล้านบาท หรือรับรู้ปันผลเพิ่มอีก 2.50 บาทต่อหุ้น
“ส่วนการลงทุนในอนาคตตอนนี้ยังไม่สามารถได้ เพราะยังขึ้นกับภาวะตลาด และหลายๆ ปัจจัยประกอบการพิจารณาลงทุน หากราคาหุ้นปรับตัวลงยังสามารถเข้าลงทุนเพิ่มเติม แต่หากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอาจจะเหมาะสมกับการขายทำกำไรได้เช่นกัน”
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 ยังคาดว่าจะยังเติบโตได้ดี ต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ปีนี้ เนื่องจากไตรมาส 2 ปีนี้ จะมีการรับรู้กำไรในส่วนที่เข้าถือหุ้นโดยตรงใน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC 40.44% รวมถึงแนวโน้มผลประกอบการธุรกิจยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี
นอกจากนี้ โครงการลงทุนต่างๆ ที่เริ่มเปิดดำเนินงานตั้งแต่ปลายปีก่อน ทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปีนี้ อย่างเช่น โครงการธุรกิจโรงไฟฟ้า โซลาร์ฟาร์ม และแบตเตอรี่
ขณะเดียวกัน หลังควบรวมแล้วบริษัทใหม่จะสร้างรายได้ “กลุ่มกัลฟ์” ระยะยาว 8-10 ปี โดยตั้งเป้าเติบโตเฉลี่ยปีละ 25-30% และคาดจะได้ส่วนแบ่งกำไรไม่น้อยกว่า 3,500 ล้านบาทต่อปี และจะได้เงินปันผลเพิ่มขึ้นกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี (เฉพาะในส่วนถือหุ้น ADVANC 40.44%)
อีกทั้ง ยังมีฐานทุนแข็งแกร่งมาช่วยต่อยอดธุรกิจของกัลฟ์ ทั้งธุรกิจพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน โทรคมนาคม ดาต้าเซนเตอร์ และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล มุ่งสู่ธุรกิจแห่งอนาคตอย่างยั่งยืนระยะยาว
สอดคล้องกับ บริษัทมีแผนธุรกิจ และเป้าหมายที่ชัดเจนมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างเติบโตต่อเนื่องระยะ 8-10 ปีข้างหน้า ทั้งธุรกิจพลังงานโดยเฉพาะธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แบตเตอรี่ พลังงานลม และโรงไฟฟ้าเขื่อน จะมีกำลังผลิตเพิ่มเติมเข้าทุกปี
รวมถึง โครงการ Gulf MTP LNG Terminal ที่เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วจะมีการเปิดให้บริการเพิ่มอีก และยังมีธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภค อย่าง ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 (ท่าเทียบเรือ F) คาดปีนี้จะเริ่มการก่อสร้าง และเปิดดำเนินการในปี 2570
พร้อมกันนี้ ยังต่อยอดธุรกิจดิจิทัลร่วมกับทาง ADVANC และ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ให้มีผลประกอบการทั้งรายได้ และกำไรเพิ่มขึ้น โดยมีการศึกษาแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อพัฒนาธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานพลังงานยุคดิจิทัล ,ธุรกิจศูนย์ข้อมูล และธุรกิจการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล
นอกจากนี้ กัลฟ์ยังเดินหน้าผลักดันการลงทุนโดยตั้งเป้างบลงทุน 5 ปี มูลค่า 1 แสนล้านบาท โดย 60-70% เป็นการลงทุนพลังงานสะอาดขณะที่ในปีนี้จะใช้งบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท เป็นพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์ ลม เขื่อน ราว 80% ของรายได้ปีนี้ และหลังจากวันที่ 1 เม.ย.68ที่ผ่านมา น่าจะเห็นการลงทุนที่มากขึ้นในเชิงรุก
รวมถึงการลงทุนธุรกิจดาต้าเซนเตอร์โครงการที่ 2-3 และธุรกิจดิจิทัลมากขึ้น โดยดาต้าเซนเตอร์ปัจจุบันมีกำลังผลิต 25 เมกะวัตต์ ที่มีเป้าหมายจะสร้างเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งมีลูกค้าจองเต็มหมดแล้ว และจะขยายในเฟสต่อไปซึ่งกำลังการผลิตจะมากกว่าเดิม
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์






