ต่างชาติโยกเงินกลับ ‘หุ้นอินเดีย’ ดันมูลค่าแตะ 4.89 แสนล้านดอลลาร์

ต่างชาติโยกเงินกลับ ‘หุ้นอินเดีย’ ดันมูลค่าแตะ 4.89 แสนล้านดอลลาร์

ต่างชาติโยกเงินไหลกลับ ‘หุ้นอินเดีย’ แหล่งลงปลอดภัยท่ามกลาง 'สงครามภาษี' ดัน Nifty 50 พุ่ง 3% มูลค่าตลาดพุ่งแตะ 4.89 แสนล้านดอลลาร์

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่ากองทุนจากทั่วโลกกลับเข้ามาลงทุนใน “ตลาดหุ้นอินเดีย”  ดันดัชนี Nifty 50 เพิ่มขึ้นกว่า 3%  สะท้อนแนวโน้มเติบโตอีกครั้ง โดยนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อหุ้นสุทธิในช่วงกลางเดือนเมษายน เนื่องจากมองว่าอินเดียเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสงครามภาษี 

ต่างชาติโยกเงินกลับ ‘หุ้นอินเดีย’ ดันมูลค่าแตะ 4.89 แสนล้านดอลลาร์

นักลงทุนซื้อหุ้นต่อเนื่องกันเป็นเวลา 7 วัน จนถึงวันที่ 24 เม.ย. โดยมีเงินทุนไหลเข้ามารวม 91 ล้านดอลลาร์ในเดือนนี้ จากข้อมูลที่รวบรวมโดยบลูมเบิร์ก และในวันที่ 25 เม.ย.มีเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นอินเดียถึง 345 ล้านดอลลาร์ และการฟื้นตัวของตลาดจากจุดต่ำสุดในเดือนนี้ ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมของอินเดียเพิ่มขึ้นถึง 489,000 ล้านดอลลาร์

ต่างชาติโยกเงินกลับ ‘หุ้นอินเดีย’ ดันมูลค่าแตะ 4.89 แสนล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์มองบวก ‘หุ้นอินเดีย’

Sneha Tulsyan นักวิเคราะห์การลงทุนจาก Tokio Marine Asset Management International Pte. ในสิงคโปร์กล่าวว่านักลงทุนต่างชาติกำลังกลับเข้ามาในตลาดหุ้นอินเดีย เพราะมองว่าอินเดียอยู่ในสถานะที่ดีกว่าตลาดเกิดใหม่อื่นๆ เนื่องจากมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วกว่า ท่ามกลางสงครามการค้า รวมทั้งความคาดหวังว่าจะมีนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงอีกและราคาน้ำมันดิบที่ลดลง จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อน "เรื่องราวเชิงบวก" ของอินเดียต่อไป

นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการอัดฉีดเงินสด ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนเงินสดที่มีมานานหลายเดือน ก็เป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย

แม้ว่าราคาหุ้นในตลาดอินเดียที่อยู่ในระดับสูงอาจทำให้ผู้จัดการกองทุนบางรายมองว่าไม่มีโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ที่น่าสนใจนัก แต่ลักษณะของตลาดอินเดียที่ขับเคลื่อนโดยปัจจัยภายในประเทศ และการพึ่งพาการส่งออกในระดับต่ำ กลับดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการหาแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยจากผลกระทบของสงครามการค้า

กองทุนจำนวนมากได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในอินเดีย และแม้แต่บริษัทหลักทรัพย์ที่เคยมีมุมมองเชิงลบต่อตลาดอินเดีย เช่น UBS Group AG ก็เริ่มมองตลาดเป็นกลางมากขึ้น

อ้างอิง Bloomberg