S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ตลาดจับตาผลประกอบการบริษัทเทคฯ

ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันในวันจันทร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ข้อมูลจ้างงาน เงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ ผลเจรจาการค้า
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันจันทร์ (28 เม.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทยว่า ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ ขณะที่วอลล์สตรีทเตรียมรับข่าวรายงานผลประกอบการและข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญตลอดสัปดาห์ นักลงทุนยังรอความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงการค้า
ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวขึ้น 0.06% ปิดที่ 5,528.75 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite ปรับตัวลงเล็กน้อย 0.1% ปิดที่ 17,366.13 จุด ดัชนีดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average
ปรับตัวขึ้น 114.09 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 40,227.59 จุด
บริษัทในกลุ่ม 7 นางฟ้า “Magnificent Seven” สี่แห่ง ได้แก่ Amazon, Apple, Meta Platforms และ Microsoft ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในช่วงสั้นๆ ระหว่างการซื้อขายวันจันทร์ ก่อนรายงานผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัท
ราคาหุ้น Apple และ Meta Platforms ปิดตลาดวันจันทร์ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยแต่ละบริษัทปรับตัวขึ้นประมาณ 0.4% ส่วนหุ้น Microsoft ลดลง 0.2% ในขณะที่ Amazon ลดลง 0.7%
ผลประกอบการออกมาค่อนข้างดี
ภาพโดยรวมของตลาด ผลประกอบการในไตรมาสก่อนหน้าค่อนข้างแข็งแกร่ง โดย 73% ของบริษัทรายงานว่าทำผลงานได้ดีเกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 77% เล็กน้อย ตามข้อมูลของ FactSet อย่างไรก็ตาม วอลล์สตรีทยังคงปรับลดความคาดหวังสำหรับไตรมาสที่สองและทั้งปี เนื่องจากบริษัทต่างๆ ออกมาเผยแนวทางที่ไม่แน่นอนเนื่องจากกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
สหรัฐ-อินเดียเจรจาการค้าคืบหน้า
เมื่อวันจันทร์ สก็อตต์ เบสเซนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ความชัดเจนเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับทิศทางในการบรรลุข้อตกลงการค้าที่เป็นไปได้กับจีน แต่กล่าวว่าภาระไม่ได้อยู่ที่สหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ในด้านบวก เบสเซนท์กล่าวว่าพวกเขามีความคืบหน้าในข้อเสนอการค้าอื่นๆ โดยระบุว่าข้อตกลงกับอินเดียจะเป็น "หนึ่งในข้อตกลงแรกๆ" ที่จะเกิดขึ้น
“ผมเชื่อว่าจีนต้องผ่อนปรนมาตรการ เนื่องจากจีนขายให้เรามากกว่าที่เราขายให้ถึง 5 เท่า ดังนั้นการขึ้นภาษี 120% และ 145% จะไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้” เบสเซนต์กล่าวในรายการ “Squawk Box” ของซีเอ็นบีซี
ความเห็นของเขามีขึ้นหลังจากที่ทรัมป์กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ากำลังมีการหารือกับจีน ซึ่งปฏิเสธข้ออ้างของปักกิ่งที่บอกว่าไม่มีการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศ
ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย
“ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีสัญญาณว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มคลี่คลายลงบ้าง โดยทั้งสองฝ่ายลดหย่อนภาษีที่บังคับใช้เมื่อต้นเดือนนี้ และสหรัฐฯ ส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่จะผ่อนปรนมาตรการบางอย่าง” โจนาธาน มิลลาร์ นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารบาร์คลีย์เขียนไว้ในบันทึกล่าสุด “ตอนนี้ยังเป็นเพียงการพูดคุยเท่านั้น และเรายังคงสงสัยว่าจะมีแรงผลักดันที่ชัดเจนเพียงพอในการหารือทางการค้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ หรือไม่”
สัปดาห์นี้ถือเป็นช่วงปลายเดือนเมษายน ซึ่งหุ้นต่าง ๆ แกว่งตัวขึ้น-ลงรุนแรง หลังจากที่ทรัมป์เปิดเผยแผนภาษีครั้งใหญ่ของเขา และต่อมาก็ลดภาษีบางส่วนลง
จนถึงขณะนี้ในเดือนเมษายน ดัชนี S&P 500 ลดลงมากกว่า 1% อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ทำได้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ประมาณ 10% ดัชนี Dowมีแนวโน้มที่จะลดลงมากกว่า 4% ในเดือนนี้ ในขณะที่ Nasdaq Composite
เพิ่มขึ้นประมาณ 0.4% ดัชนี S&P 500 เข้าสู่ภาวะตลาดหมีในช่วงสั้น ๆ เมื่อวันที่ 7 เมษายน และฟื้นตัวตั้งแต่นั้นมา แต่ดัชนีไม่สามารถทะลุระดับแนวต้านสำคัญได้
ในสัปดาห์นี้จะมีรายงานหลายฉบับเกี่ยวกับตลาดแรงงาน ตลอดจนข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยรายงานที่สำคัญที่สุดคือรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไตรมาสแรกและมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญจะเผยแพร่ในวันพุธ