ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เปิดบวก 10.51 จุด ทรัมป์ยืนยันไม่ปลดประธานเฟด ด้าน IMF ลด GDP โลกเหลือ 2.8%

ตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 23 เม.ย.2568 เปิดตลาดบวกแรง 10.51 จุด หรือบวก 0.92% หรืออยู่ที่ 1,154.56 จุด หลังทรัมป์ประกาศยืนยันไม่ปลดประธานเฟด ด้าน IMF ลด GDP โลกเหลือ 2.8% ขณะที่ บล.ลิเบอเรเตอร์ แนะนำหุ้นวันนี้ GFPT คาดกำไรไตรมาส 1/68 ที่ 579 ล้านบาท ขยายตัว +24%y-y และ +51%q-q
ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 23 เม.ย.2568 เปิดตลาดบวกแรง 10.51 จุด หรือบวก 0.92% หรืออยู่ที่ 1,154.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3,129.17 ล้านบาท
กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เปิดเผยคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลก ล่าสุด เม.ย.2568 โดยปรับคาดการณ์ GDP โลกปี 2568-69 ลงเหลือ 2.8% และ 3.0% จากเดิม 3.3% และ 3.3% โดยหลักมาจากผลของภาษีทางการค้า
ทั้งนี้ ส่งผลให้คาดการณ์ของประเทศสำคัญเปลี่ยนไปอย่าง สหรัฐฯ 1.8% และ 1.7% จากเดิม 2.7% และ 2.1% ยูโรโชน 0.8% และ 1.29% จากเดิม 1.0% และ 1.44% จีน 4.0% และ 4.0% จากเดิม 4.6% และ 4.5% ขณะที่ ไทย 1.8% และ 1.6% จากเดิม 2.9% และ 2.6%
อย่างไรก็ตาม แม้การปรับประมาณการลงครั้งนี้ค่อนข้างที่จะแรง แต่สาเหตุที่ตลาดไม่ได้ตอบรับเชิงลบมากนัก เกิดจากคาดการณ์รอบนี้ยังมองเศรษฐกิจโลกเติบโต และไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ส่วนความกังวลข้อพิพาทการค้าลดลง รวมถึงทรัมป์ ยืนยันไม่มีแผนปลดประธานเฟด หนุนการฟื้นตัวของบรรยากาศลงทุนระยะสั้น ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ตลาดปรับตัวขึ้น2.5-2.7%
ทั้งนี้ หลังความกังวลข้อพิพาททางการค้าลดลง จากการให้ความเห็นของ สก็อด เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่มองว่าความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะคลี่คลายลงในไม่ช้า และมองว่าแม้การเจรจามีแนวโน้มยืดเยื้อแต่ทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างก็ไม่คิดจะปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินไปโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับกลยุทธการลงทุนหากไม่หลุด 1,126 จุด ทำให้ยังลุ้นฟื้นตัวขั้นทดสอบ 1,155 จุด และแนวต้านที่ 1,200 จุด คาดหุ้นหลายกลุ่มพื้นตัวช่วยประคองตลาดแทนธนาคารที่น่าจะเริ่มเช้าสู่การพัก กลุ่มที่นำสนใจได้แก่ หุ้นปลอดภัย โรงไฟฟ้า การแพทย์ สื่อสาร เช่น EGCO RATCH, BDMS BCH BH ADVANC TRUE และกลุ่มอาหาร ที่แนวโน้มผลประกอบการจะออกมาดี โดยเฉพาะผู้ผลิตเนื้อสัตว์ TFG, GFPT BTG CPF NSL ขณะทางพื้นฐานยังระวังการลงทุนในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า โดยเฉพาะ กลุ่มอาหารที่มีรายได้จากสหรัฐฯสูง และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแรงซื้อกลับจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศสำคัญ เช่น จีน, อินเดีย และญี่ปุ่น ผสานกับท่าทีล่าสุดของทรัมป์ที่ยืนยันว่าจะไม่ปลดประธาน FED อย่างที่ตลาดกังวล กระตุ้นความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางมุมมอง IMF ที่ยังกังวลผลกระทบของภาษี โดยปรับลด GDP โลกลงเหลือ 2.8% จาก 3.3% โดย สหรัฐฯ, จีน และยูโรโซน คาดเติบโตเพียง 1.8%, 4.0% และ 1.2% ตามลำดับ ส่วนไทยลดสู่ 1.8%
ส่วนด้านการเจรจาของไทย แม้มีการเลื่อนออกไปโดยยังไม่มีกำหนด ซึ่งรัฐบาลแถลงว่าอยู่ในช่วงเตรียมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเจรจาการค้ากับสหรัฐฯในช่วงถัดไป อย่างไรก็ดีวานนี้ SET ยังไม่หลุดระดับแนวรับสำคัญรอบนี้ที่ 1120 จุด มีโอกาสลุ้นการฟื้นตัวต่อ โดยกลยุทธ์ยังเน้นย่อสะสมหุ้นแนวโน้มกำไรดี และมี Valuation ที่ไม่แพง เช่น กลุ่มอาหาร, ไฟฟ้า, ไฟแนนซ์, ค้าปลีก, โรงพยาบาล เป็นต้น
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวันนี้แนะติดตามรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ เดือนเมษายน นำโดย PMI สหรัฐฯ คาดภาคการผลิตจะกลับมาหดตัวสู่ระดับ 49 จุด จากเดือนมีนาคมที่ 50.2 จุด ซึ่งจะเป็นการกลับมาหดตัวครั้งแรกในปีนี้ ส่วนภาคบริการคาดลดลงสู่ 53.0 จากเดือนก่อนที่ 54.4 จุด เช่นเดียวกับฝั่งยูโรโซน ที่คาดว่า PMI ภาคการผลิตจะลดลงสู่ระดับ 47.4 จุด จาก 48.6 จุด ส่วนภาคบริการคาดจะลดลงสู่ 50.5 จาก 51.0 จุด ในเดือนก่อนหน้า
หุ้นแนะนำวันนี้ GFPT คาดกำไรไตรมาส 1/68 ที่ 579 ล้านบาท ขยายตัว +24%y-y และ +51%q-q แรงหนุนจากต้นทุนวัตถุดิบลดลง และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ส่วนช่วงที่เหลือของปีก็คาดว่ายังดีต่อเนื่องตามต้นทุนที่ลดลง หนุนตลาดมีโอกาสปรับประมาณการขึ้น ขณะที่ Valuation ปัจจุบันซื้อขายเพียง PE 6.6 เท่า ต่ำที่สุดในกลุ่มเนื้อสัตว์ เป็นโอกาสดีในการทยอยสะสม ราคาเป้าหมาย 11.80 บาท