ดัชนีดาวโจนส์ดีดขึ้น 1,000 จุด ตลาดหวังสงครามการค้าคลี่คลาย

หุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวันอังคาร ตลาดหวังว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ - จีนจะคลี่คลายลงในเร็วๆ นี้ ตลาดฟื้นตัวจากการลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันอังคาร(22 เม.ย.68) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทยว่า หุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวันอังคาร นักลงทุนคาดหวังว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนจะคลี่คลายลงในเร็วๆ นี้ ตลาดฟื้นตัวจากการลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ทะยานขึ้น 1,016.57 จุด หรือ 2.66% ปิดที่ 39,186.98 ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.51% และปิดที่ 5,287.76 ขณะที่ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 2.71% ปิดที่ 16,300.42
ขุนคลังสหรัฐให้ความหวังสงครามการค้าคลี่คลาย
ดัชนีหลักพุ่งสูงขึ้นจากข่าวที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวกับกลุ่มนักลงทุนเมื่อวันอังคารว่า “สงครามการค้ากับจีนจะบรรเทาความรุนแรงลง” “ไม่มีใครคิดว่าสถานะปัจจุบันจะยั่งยืนอยู่ได้” เขากล่าวระหว่างการประชุมกับนักลงทุนที่จัดโดยธนาคารเจพีมอร์แกนเชส JPMorgan Chase ตามที่แหล่งข่าวในห้องกล่าวให้ข้อมูลกับสื่อ
ดัชนี ณ จุดสูงสุด ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นมากกว่า 1,100 จุดในวันอังคาร อย่างไรก็ตาม หุ้นปรับตัวลดลงจากระดับดังกล่าว ขณะที่ เบสเซนต์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “หากเราเดินออกจากประตูการเจรจา และลงนามในบางสิ่งบางอย่างสำหรับในอีกสองหรือสามปีข้างหน้า หากเป็นอย่างนั้น ผมคิดว่านั่นเป็นชัยชนะครั้งใหญ่”
หุ้นที่เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับจีนได้รับแรงหนุนจากข่าวนี้ โดยกองทุนอีทีเอฟ iShares China Large-Cap ETF และ iShares MSCI China ETF ต่างก็พุ่งขึ้นประมาณ 3%
“เห็นได้ชัดว่าเบสเซนต์ พยายามส่งสัญญาณด้วยความเห็นดังกล่าว และสัญญาณนั้นดูเหมือนจะสื่อว่า เรารู้ว่าเรื่องนี้กำลังทำร้ายตลาด และเรากำลังเร่งรีบจบเรื่องนี้” เจด เอลเลอร์ โบรค ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Argent Capital Management กล่าว “ตลาดจะตีความว่าเป็นข่าวดีที่จะทำให้ตลาดฟื้นตัว และปรับคาดการณ์ว่าสงครามการค้าครั้งนี้จะจบลงอย่างไรในอีกสองสามเดือนข้างหน้า”
การปรับตัวขึ้นในวันอังคารได้ลบล้างการร่วงลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเซสชันก่อนหน้า ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงมากกว่า 970 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ร่วงลงมากกว่า 2%
ความกลัวสงครามการค้ารุนแรงส่งผลให้หุ้นร่วงลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยรายการภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศ ดัชนี S&P 500 ก็ร่วงลงมากกว่า 6%
นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจมากขึ้นหลังจากที่ทรัมป์โพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย Truth Social ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวหากธนาคารกลางสหรัฐไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในโพสต์ล่าสุดหลายรายการที่เขาเรียกชื่อประธานเจอโรม พาวเวล โดยเรียกประธานเฟดว่า “นายสายเกินไป” และ “ผู้แพ้รายใหญ่”
ทรัมป์ได้เปิดประเด็นการ "ปลด" พาวเวลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งเควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวกล่าวว่าทีมงานของประธานาธิบดีกำลังศึกษาเรื่องนี้ ด้านพาวเวล กล่าวว่า เขาไม่สามารถถูกไล่ออกได้ภายใต้กฎหมาย และตั้งใจที่จะดำรงตำแหน่งจนถึงสิ้นวาระในเดือนพฤษภาคม 2026
“มีความไม่แน่นอนมากมาย แต่ไม่มีคำตอบมากนัก เป็นสภาพแวดล้อมที่น่าหงุดหงิดสำหรับนักลงทุนในปัจจุบัน” เอลเลอร์โบรค กล่าวเสริม “ความรู้สึกเดียวที่ผมรู้สึกว่าสามารถระบุได้คือ ยิ่งเราอยู่ในสภาวะไม่แน่นอนนี้นานเท่าไร เศรษฐกิจก็จะยิ่งแย่ลงเท่านั้น”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







