KBANK ฟันกำไรไตรมาส 1/68 เฉียด 1.4 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 3 พันล้าน สัดส่วน 28%

KBANK ฟันกำไรไตรมาส 1/68 เฉียด 1.4 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 3 พันล้าน สัดส่วน 28%

KBANK เผยผลงานไตรมาส 1/68 กำไรสุทธิ 13,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 3,023 ล้านบาท หรือ 28.08% และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 147 ล้านบาท หรือ 1.08% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้จากการดำเนินงานลดลง 935 ล้านบาท หรือ 1.87% 

ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ประกาศงบการเงินไตรมาส1/68 เปิดเผยว่า ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานสำหรบไตรมาส 1 ปี 2568 จำนวน 13,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 3,023 ล้านบาท หรือ 28.08% และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 147 ล้านบาท หรือ 1.08% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 2.761 ล้านบาท หรือ 7.23% เป็นผลจากการเผชิญแรงกดดันของภาวะอัตราดอกเบี้ยประกอบกับการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ให้มีประสิทธิผลสูงสุดอย่างระมัดระวัง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest mangin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.41% แม้ว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตขึ้นจำนวน 1,826 ล้านบาท หรือ 15.39% จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน รายได้จากการลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 

อย่างไรก็ตาม รายได้จากการดำเนินงานสุทธิลดลงจำนวน 935 ล้านบาท หรือ 1.87% โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ อยู่ในระดับใกล้เคืองกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 40.84% 

นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่องยังคงยึดหลักความระมัดระวังอย่างรอบคอบตามที่ได้ปฏิบัติมาอย่างสม่ำเสมอ จึงพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expested credit Joss : ECL) จำนวน 9,818 ล้านบาท เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพียงพอ รองรับความไม่แน่นอนของศรษฐกิจในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าปีก่อน และเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวมสูง 

และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4,4355,212 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 14,258 ล้านบาท หรือ 0.33% เมื่อเทือบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่ปรับปรุงใหม่ ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนสุทธิ ซึ่งเป็นการลงทุนตามการคาดการณ์ภาวะตลาดและทิศทางอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม เงินให้สินเชื่อสุทธิลดลง เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยธนาคารยังคงมุ่งเน้นการขยายสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ ให้ความสำคัญคับคุณภาพสินทรัพย์ และการเพิ่มผลตอบแทนที่ปรับตามความเสี่ยงให้เหมาะสม 

ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อค้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%.NPL gmss) อยู่ที่ระดับ 3.19% และค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage rato) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 159.49% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 20.52%