ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (17 เม.ย.) บวก 2.38 จุด กลุ่ม 'พลังงาน-แบงก์' ดันดัชนีฯ

"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (17 เม.ย.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,141.28 จุด เพิ่มขึ้น 2.38 จุด หรือ 0.21% "นักวิเคราะห์" ชี้ แรงซื้อกลุ่มพลังงานและกลุ่มแบงก์บางตัว แนะจับตารัฐบาลเจรจาทรัมป์ 23 เม.ย. นี้ !
"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (17 เม.ย.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,141.28 จุด เพิ่มขึ้น 2.38 จุด หรือ 0.21% โดยดัชนีฯ เคลื่อนไหวผันผวนทั้งวัน ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,145.19 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,133.90 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 29,643.24 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- KBANK ราคาปิด 151.00 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 2.27% มูลค่าซื้อขาย 2,826.02 ล้านบาท
- BBL ราคาปิด 146.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 3.53% มูลค่าซื้อขาย 1,394.38 ล้านบาท
- SCB ราคาปิด 116.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 2.20% มูลค่าซื้อขาย 1,339.34 ล้านบาท
- KTB ราคาปิด 21.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 1.87% มูลค่าซื้อขาย 1,292.26 ล้านบาท
- AOT ราคาปิด 37.75 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.31% มูลค่าซื้อขาย 1,219.74 ล้านบาท
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวบวกจากกลุ่มพลังงาน
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาได้มาจาก 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มพลังงานซึ่งปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นมา และกลุ่มธนาคารที่มีแรงซื้อกลับเข้ามา แม้จะมีการทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD แล้วก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากความคาดหวังเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลมีกำหนดการชัดเจนที่จะเดินทางไปสหรัฐฯ ในวันที่ 23 ของเดือนนี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น มีเพียงตลาดหุ้นไต้หวันเท่านั้นที่ปรับตัวลง
แม้จะมีข่าวลบจาก เจอร์โรม พาวเวล ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะให้ความสำคัญกับการควบคุมเงินเฟ้อมากกว่าปกติ ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ปัจจัยลบนี้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ เท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบมายังตลาดหุ้นไทย สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ นายณัฐพลให้แนวรับไว้ที่ 1,135 จุด และแนวต้านที่ 1,150 จุด และ 1,156 จุด
ทั้งนี้ นายณัฐพลให้คำแนะนำการลงทุนโดยแบ่งเป็น 2 สถานการณ์ คือ หากมีความคืบหน้าเชิงบวกในการเจรจาการค้า แนะนำลงทุนในกลุ่มโกลบอลเพลย์ ได้แก่ กลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมี แต่หากการเจรจายังไม่มีความคืบหน้า แนะนำลงทุนในกลุ่มที่มักเป็นที่พักเงินและมีแนวโน้มเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้าและกลุ่มสื่อสาร ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามความคืบหน้าของการเจรจาการค้าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสถานการณ์ในตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และกลุ่มหุ้นที่มีความน่าสนใจอาจเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์