หุ้นไทยแกว่งตัวเช้านี้ลบ 1.68 จุด รอปัจจัยใหม่ รัฐบาลไทยเข้าเจรจาทรัมป์ โบรกแนะ กลุ่มค้าปลีกปลอดภัย

หุ้นไทยแกว่งตัวเช้านี้อยู่ที่ 1,137.22 จุด ลบ 1.68 จุด หรือ ลดลง 0.15% นักวิคราะห์เผย ปัจจัยใหม่ รัฐบาลไทยเข้าเจรจาทรัมป์ โบรกแนะ กลุ่มค้าปลีกปลอดภัย
ความเคลื่อนไหวตลาด "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ วันที่ 17 เม.ย.2568 เวลา 10.00 น.อยู่ที่ 1,137.22 จุด ลบ 1.68 จุด หรือ ลดลง 0.15% มูลค่าการซื้อขาย 1,401.05 ล้านบาท
กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า เช้านี้หุ้นที่ปรับลงมาเป็น หุ้น KBANK จากการขึ้นเครื่องหมาย XD ขณะที่ทรัมป์มีการแบนรัสเซียทำให้โรงกลั่น น้ำมันปรับตัวขึ้นมาได้บ้าง นอกจากนี้เฟดออกมาบอกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะปรับลดไม่ได้เร็วนัก ส่งผลให้หุ้นแกว่งตัวในกรอบ 1125 1150 จุด ไม่ได้ไปไหนบวกลบที่ 10 จุด จนกว่ามีปัจจัยใหม่ ที่ทีมรัฐบาลไทยจะเข้าเจรจากับทรัมป์ได้หรือไม่ ขณะที่ในเดือนหน้าอีก 15 วันจะมีกองทุน ThaiESGX จะเข้ามาช่วยให้หุ้นไทยขึ้นได้หรือไม่
โดยวันนี้ แนะนำนักลงทุนควรซื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ลงมา โดยเฉพาะ CPALL ปรับตัวลงมาที่ 49.50 บาท เป็นราคาที่น่าเข้าซื้อ และหากบ่ายปรับตัวขึ้นมาเกิน 50.00 บาท ก็สามารถขายทำกำไรได้ ทั้งนี้กลุ่มค้าปลีกเป็นกลุ่มที่ปลอดภัยจากนโยบายทรัมป์ และเป็นกลุ่มที่ดูดีกว่ากลุ่มแบงก์ที่ขณะนี้ มีการปรับขึ้น XD และมีข่าว Sell on fact เวอร์ชวลแบงก์ รวมถึงงบไตรมาส 1/68 อาจจะออกไม่สวยอย่างที่คิด
วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones ปิดลบ 699 จุด -1.7% หลังจากประธาน FED เตือนว่าการเติบโตของสหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากผลกระทบภาษี พร้อมกับแรงกดดันในหุ้น NVIDIA ด้านราคาน้ำมันดิน BRT ปิดบวก 1.8% ได้แรงหนุนจากคาดการณ์อุปทานน้ำมันจะเผชิญภาวะตึงตัว
โดยเมื่อวานที่ผ่านมาจินได้ประกาศพร้อมเจรจากับสหรัฐฯ ภายใต้ข้อตกลงว่าต้องการให้ทรัมป์ให้เกียรติกับประเทศจีนมากขึ้น รวมถึงห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่แสดงทำที่ดูหมิ่นจีนพร้อมกับต้องการให้สหรัฐฯ แสดงจุดยืนและดำเนินการที่สอดคล้องกันมากขึ้นในประเด็นต่างๆ เช่นการคว่ำบาตรและประเด็นไต้หวัน ขณะเดียวกัน จีนก็ได้ประกาศการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วง 1/68 พบว่า ขยายตัวได้ 5.4%YoY ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 5.2%YoY
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนดูไม่ได้ให้น้ำหนักมากนักเพราะอาจมองว่าเป็นปัจจัยชั่วคราว จากการเร่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก่อนจะโดนภาษี ขณะที่สหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมาได้รายงานยอดค้าปลีกขยายตัวได้ 1.4%MoM ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 1.3%MoM ทั้งนี้ในรายละเอียดภายในพบว่า ขยายตัวในเกือบทุกสินค้ายกเว้นการให้บริการในสถามีน้ำมัน เชื่อว่าลดลงตามราคาน้ำมันที่ลดลง
แต่ทั้งนี้อาจไม่ใช่ปัจจัยบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่งเพราะอาจเกิดจากการเร่งบริโภคก่อนเผชิญกับราคาที่จะปรับขึ้นจากภาษีนำเข้า และหลังจากนั้นพบว่าประธาน FED ก็ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยระบุว่าสถานะของ FED ตอนนี้ค่อนข้างจะดำเนินนโยบายลำบากระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อกับการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากผลกระทบภาษีนำเข้าของทรัมป์ทำให้ผู้นำ FED คาดการณ์ว่าเงินเงินเพื่อจะสูงขึ้นและการเติบโตลดลง แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะต้องให้ความสำคัญกับสิ่งใด พร้อมระบุว่า ภาษีนำเข้ามีแนวโน้มที่จะทำให้เราไกลจากเป้าหมายมากขึ้น
การแถลงของประธาน FED ข้างต้นกำลังบ่งชี้เป็นนัยว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเข้าสู่ Stagflation ซึ่งมักจะไม่ดีกับตลาดหุ้น ภายหลังจากกราบข้อมูลทั้งหมดพบว่า Dollar Index อ่อนค่า สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลงและราคาทองคำปรับขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนภาวะนักลงทุนปิดรับความเสี่ยง
ดังนั้นหากภาวะเช่นนี้ยังดำเนินต่อไป คงทำให้ตลาดหุ้นปรับขึ้นได้ยาก รวมตลาดหุ้นไทยที่ฟื้นตัวเมื่อวานก็ยังมองเป็นเพียงระยะสั้น คืนนี้รอติดตามผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.25 แสนราย แต่ก็เชื่อว่าหากตัวเลขดีกว่าคาดการณ์ก็อาจไม่ได้มีผลมากนัก
วันนี้ SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1100 - 1150 จุด เชิงกลยุทธ์การลงกุนระยะสั้นยังอาจไม่เหมาะกับการเก็งกำไรจากหลาย ๆ ความเสี่ยงแต่ อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะกลาง - ยาว อาจเลือกสะสมบางส่วนได้เเต่ให้เน้นเฉพาะหุ้น Domestic Play ที่ธุรกิจแข็งแกร่ง อาทิ ค้าบลีก BJC CRC CPALL HMPRO ศูนย์การค้า CPN ธนาคารพาณิชย์ BBL KBANK KTB SCB โรงพยาบาล BDMS โรงแรม CENTEL MINT







