ภาษีทรัมป์ป่วนตลาดอาเซียน! มูลค่าหุ้นหาย 1.6 แสนล้านดอลลาร์

ภาษี ‘ทรัมป์’ ป่วนตลาดอาเซียน!
ฉุดมูลค่าหุ้นหายวับ 1.6 แสนล้านดอลลาร์ สงครามการค้าปั่นป่วน ทำเหล่าธุรกิจระงับแผน IPO -ขยายธุรกิจ วางเกมกลยุทธ์ใหม่
สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่านโยบายภาษีศุลกากรของ “โดนัล ทรัมป์” ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดหุ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก ทำให้มูลค่าตลาดหุ้นโดยรวมลดลงไปกว่า 160,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่ตลาดหุ้นบางส่วนจะสามารถฟื้นตัวกลับมา
ข้อมูลจาก QUICK-FactSet แสดงให้เห็นว่าในช่วงเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 2- 9 เม.ย. บริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นของอินโดนีเซีย สิงคโปร์ ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมกันประมาณ 4,500 บริษัท ประสบภาวะมูลค่าบริษัทลดลงอย่างมากถึง 1.61.9 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของบริษัทเหล่านี้ลดลงเหลือ 1.72 ล้านล้านดอลลาร์
หลังจากที่ประกาศระงับการขึ้นภาษีส่วนใหญ่เป็นเวลา 90 วัน เมื่อวันที่ 9 เม.ย. หุ้นของบริษัทต่างๆ ในอาเซียนก็เริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยมูลค่าตลาดรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.84 ล้านล้านดอลลาร์ในวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่มูลค่านี้ยังคงต่ำกว่าระดับก่อนที่จะมีการประกาศขึ้นภาษีอยู่ประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นอาเซียนถูกเทขาย
- กลุ่มค้าปลีก
กลุ่มบริษัทที่เผชิญกับการเทขาย จนทำให้ตลาดหุ้นร่วง หนึ่งในนั้นคือ Sea บริษัทค้าปลีกออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดอาเซียน บริษัทแม่ของ Shopee และบริษัทเกม Garena ประสบกับมูลค่าบริษัทที่ลดลงอย่างมากถึง 16,600 ล้านดอลลาร์ ภายในวันที่ 8 เม.ย.วันเดียว
-
กลุ่มธุรกิจพลังงาน
กลุ่มธุรกิจด้านพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์เช่น บริษัท Barito Renewables Energy ของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งทำธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน มีมูลค่าบริษัทลดลงอย่างมากถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์
หลังจากที่ทรัมป์ประกาศระงับการปรับขึ้นภาษีเป็นเวลา 90 วัน หุ้นของบริษัทต่างๆ ฟื้นตัวขึ้น แต่ฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ตัวอย่างเช่น หุ้นของ PTT Exploration and Production (PTTEP) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ PTT ที่ทำธุรกิจสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย มีมูลค่าตลาดลดลงถึง 13% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่จะมีการประกาศเรื่องภาษี
นอกจากนี้ หุ้นของ Petrovietnam Gas ก็ลดลง 12% และหุ้นของ Bayan Resources บริษัทเหมืองถ่านหินของอินโดนีเซีย ก็ลดลงถึง 16% ในช่วงเวลาเดียวกัน
โทรุ นิชิฮามะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัย Dai-ichi Life มองว่าความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าอาจทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตช้าลง ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัวได้ช้ากว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ
"เป็นไปได้ว่าอาเซียนอาจเพิ่มการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐเพื่อต่อรองทางการค้า ทำให้เกิดความกังวลต่อต้นทุนการผลิตสูงกว่าบริษัทในสหรัฐ และนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง" นิชิฮามะกล่าว
- หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
แม้ว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้รับประโยชน์จากการที่สินค้าบางประเภท เช่น สมาร์ทโฟน ไม่ถูกรวมอยู่ในภาษีตอบโต้
แต่หลังจากนี้ รัฐบาลสหรัฐเตรียมเก็บภาษีรอบใหม่ ซึ่งทำให้ Delta Electronics ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติไต้หวันและเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีมูลค่าตลาดลดลง 12% เหลือ 20,600 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่จะกลับมามีมูลค่า 25,500 ล้านดอลลาร์
กลยุทธ์ใหม่ตั้งรับความผันผวน
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเริ่มกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ พิจารณากลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ ตัวอย่างเช่น Hoa Phat Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ได้ประกาศเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ว่าจะจ่ายเงินปันผลทั้งหมดเป็นหุ้น แทนที่จะจ่ายเป็นเงินสด ยเพื่อให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น และรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น
บริษัท Cuckoo Electronics จากเกาหลีใต้ ได้ตัดสินใจเลื่อนแผนการเสนอขาย IPO ออกไป ในขณะเดียวกัน บริษัท Eclat Textile ผู้ผลิตเสื้อผ้าจากไต้หวัน ก็กำลังชะลอแผนการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในประเทศอินโดนีเซียออกไปด้วยเช่นกัน ซึ่งการตัดสินใจเหล่านี้อาจเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการค้าในภูมิภาค
ในช่วงที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนเพิ่มสูงขึ้น อาเซียนได้รับประโยชน์จากการวางตัวเป็นฐานการผลิตและส่งออกทางเลือก แต่หากประเทศเหล่านี้เพิ่มปริมาณการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกามากขึ้น เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาต่อรองเรื่องภาษีศุลกากร อาจส่งผลกระทบต่อความได้เปรียบทางการแข่งขันที่เคยมีมา







