'หุ้นจีน' อยู่ในความเสี่ยง เมื่อสหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตร ซ้ำเติมภาษีทรัมป์

บลูมเบิร์กรายงานความเคลื่อนไหว “หุ้นจีน” กำลังเผชิญกับความท้าทายจากมาตรการ “สหรัฐ” ซึ่งเข้ามาซ้ำเติมสถานการณ์ปัจจุบันที่เศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบจากการที่ทรัมป์ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า เป็น 145% อย่างแข็งกร้าว จากมาตรการที่สหรัฐดำเนินการต่อจีน เช่น การจำกัดการถือครองหลักทรัพย์ทางการเงิน หรือล่าสุดที่มีการประกาศคว่ำบาตรบริษัทอีก 18 แห่ง ถือเป็น "ความเสี่ยงร้ายแรง"

บุช ชู ผู้จัดการฝ่ายการลงทุนของ Aberdeen Investments กล่าวถึงข่าวลือที่ยังไม่ได้รับการยืนยันเกี่ยวกับการบังคับให้ถอนหุ้นจีนออกจากตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐ และบางคนก็กลัวว่าอาจมีการจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้นกว่า

มาตรการดังกล่าวอาจทำให้เกิดการ “เทขาย” หุ้นเทคโนโลยีของจีนที่มีต่างชาติถือหุ้นจำนวนมาก “ผมคิดว่ายังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่สามารถประเมินราคาได้” เขากล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงผลกระทบในวงกว้างต่ออุปสงค์หากภาษีศุลกากรทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของจีนอ่อนแอลง

จับตาสหรัฐจ่อจำกัดส่งออก ‘ชิป’

ดัชนี Hang Seng Tech ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีน มีมูลค่าตลาดลดลงไปกว่า 350,000 ล้านดอลลาร์ จากจุดสูงสุดในเดือนมีนาคม แม้ว่าในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ดัชนีจะปรับตัวขึ้นประมาณ 9% จากกระแสการพัฒนา AI ของจีนอย่างรวดเร็ว 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าผลกระทบโดยตรงจากภาษีศุลกากรต่อบริษัทอีคอมเมิร์ซของจีนยังค่อนข้างน้อย เนื่องจากรายได้ และกำไรส่วนใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีจีนมาจากธุรกิจภายในประเทศ แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่าคือ ความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะออกมาตรการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

Alicia Yap นักวิเคราะห์จาก Citigroup Inc. ได้ระบุในรายงานว่า "แม้ว่าเราจะไม่แน่ใจว่าสหรัฐมีแผนที่จะประกาศข้อจำกัดใหม่ๆ เกี่ยวกับการส่งออกชิปหรือไม่ รวมทั้งมีความกังวลว่าบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการคลาวด์ และพัฒนาโมเดล/ความสามารถด้าน AI ที่มีกรรมสิทธิ์ของตนเองอาจถูกจับตามอง และถูกลงโทษ  ซึ่งมาตรการเหล่านี้อาจสร้างแรงกดดันต่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Tencent, Alibaba และ Baidu Inc. ในอนาคต

ชะลอลงทุนหุ้นจีน รอความชัดเจน ‘สงครามการค้า’

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนยังคงน่าสนใจสำหรับนักลงทุน เนื่องจากมีราคาประเมินที่ดึงดูดใจ โดยดัชนี Hang Seng Tech มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 15 เท่าของกำไรที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 3 ปีที่ 19 เท่า และต่ำกว่าดัชนี Nasdaq 100 ของสหรัฐที่ปัจจุบันมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 24 เท่า

นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้ยังพึ่งพาความต้องการซื้อสินค้าภายในประเทศเป็นหลัก จึงมีโอกาสได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน

Chu จาก Aberdeen กล่าวว่า "โดยรวมแล้ว หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนยังคงมีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุน ไม่ว่านักลงทุนจะต้องการซื้อหุ้นจีนเพื่อโอกาสในการลงทุนใน AI หรือไม่ก็ตาม... นักลงทุนอาจชะลอการลงทุนไว้ก่อน เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนสูง และอาจกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้งเมื่อมีปัจจัยบวกที่ชัดเจนขึ้น เช่น ความชัดเจนเกี่ยวกับภาษีศุลกากร และภาวะเศรษฐกิจโลก"

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์