อ่านวิธีคิด 'ทรัมป์' จากกรณีแอบซุ่มซื้อหุ้น Holiday Inn จนโกยกำไรมหาศาล

เรื่องราวการลงทุนในหุ้น Holiday Inn ของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจเป็นกุญแจไขความเข้าใจวิธีคิดของประธานาธิบดีคนที่ 45 และ 47 แห่งสหรัฐเกมการเงินที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงสไตล์การบริหารและการตัดสินใจที่อาจช่วยทำนายนโยบายในอนาคตของเขาได้
ช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับท่าทีและแนวนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปลี่ยนไปแทบจะทุกชั่วโมง จนหลายคนเริ่มอยากเข้าใจ “พื้นเพ” วิธีคิดของเขามากขึ้น “กรุงเทพธุรกิจ” ชวนอ่าน เรื่องราวของทรัมป์กับโรงแรม Holiday Inn ซึ่งถูกเล่าไว้ใน หนังสือ TRUMP: The Art of The Deal โดยเรื่องราวความสัมพันธ์นี้ถือเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจที่อาจช่วยให้เราเข้าใจวิธีคิดและกลยุทธ์ “การเดินเกม” ของเขามากขึ้น
ความสัมพันธ์เริ่มต้น
ทรัมป์เล่าไว้ในหนังสือว่า ก่อนที่จะมีการซื้อหุ้น ตัวเขาเองและ Holiday Inn เคยเป็นพันธมิตรทางธุรกิจมาก่อน พวกเขาร่วมกันเป็นเจ้าของและบริหาร Trump Plaza Hotel and Casino ในแอตแลนติกซิตี โดยที่ทรัมป์ได้ซื้อหุ้นส่วนทั้งหมดของ Holiday Inn ในกิจการนี้เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1986ซึ่งนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทรัมป์รู้จักและเข้าใจโครงสร้างธุรกิจของ Holiday Inn เป็นอย่างดี
หลังจากนั้นประมาณสามเดือน ทรัมป์เริ่มสะสมหุ้นของ Holiday Inn อย่างเงียบๆ โดยเริ่มซื้อที่ราคาประมาณ 50 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในเวลาอันรวดเร็ว เขาได้สะสมหุ้นมากกว่า 1 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 4% ของบริษัททั้งหมด
Trump Plaza Hotel and Casino จาก Wikipedia
แต่ไม่เคยมีอะไรเป็นความลับตลอดไป (โดยเฉพาะในตลาดหุ้น) เมื่อข่าวลือเริ่มแพร่สะพัดในตลาดว่าทรัมป์เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ และอาจกำลังวางแผนเข้าควบคุมบริษัท ราคาหุ้น Holiday Inn เริ่มปรับตัวสูงขึ้น จนปิดตลาดในวันศุกร์ที่ 65 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 50 ดอลลาร์อย่างมีนัยสำคัญ ทรัมป์ไม่ได้ปฏิเสธข่าวลือเหล่านี้ แต่กลับปล่อยให้มันแพร่กระจายต่อไป เนื่องจากช่วยผลักดันราคาหุ้นให้สูงขึ้น
ในระหว่างนี้ ทรัมป์เปิดเผยในหนังสือว่าเขากำลังพิจารณาทางเลือกสามทาง:
- การเข้าควบคุม Holiday Inn - ทรัมป์มองว่า Holiday Inn มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงเมื่อพิจารณาจากโครงการและสินทรัพย์ที่บริษัทมี และคิดว่าสามารถเข้าควบคุมได้ด้วยเงินน้อยกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าโรงแรมคาสิโนสามแห่งของบริษัทอาจมีมูลค่าเกือบเท่ากับจำนวนนั้น และบริษัทยังมีห้องพักโรงแรมอีก 300,000 ห้อง
- การขายหุ้นเพื่อทำกำไร - หากราคาหุ้นยังคงเพิ่มสูงขึ้น ทรัมป์อาจตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดเพื่อทำกำไร ซึ่งในเวลานั้นเขามีกำไรบนกระดาษแล้วประมาณ 7 ล้านดอลลาร์
- การถูก Holiday Inn ซื้อหุ้นคืน - Holiday Inn อาจเสนอซื้อหุ้นของทรัมป์คืนในราคาที่สูงกว่าตลาด เพื่อกำจัดภัยคุกคามการเข้าควบคุม ซึ่งหากราคาดี ทรัมป์ก็พร้อมที่จะขาย
ขอบคุณรูปจากรอยเตอร์ส
หลังจากนั้นในวันเปิดตลาดวันแรก ทรัมป์และที่ปรึกษาของเขา อัลลัน กรีนเบิร์ก ตัดสินใจ ซื้อหุ้น Holiday Inn เพิ่มอีก 100,000 หุ้น ซึ่งส่งผลให้ ราคาหุ้นHoliday Inn ปรับตัวสูงขึ้นอีก 1.5 จุด การเคลื่อนไหวนี้เพิ่มแรงกดดันต่อผู้บริหารของ Holiday Inn มากขึ้น
ทันใดนั้นเอง ทรัมป์ได้รับข่าววงในว่าผู้บริหารระดับสูงของ Holiday Inn กำลังตื่นตระหนกและจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการรับมือกับเขา ทางด้านอัลลันคาดการณ์ว่า Holiday Inn อาจใช้กลยุทธ์ "Poison Pill" ซึ่งเป็นเทคนิคป้องกันการถูกเทคโอเวอร์
และการคาดการณ์ก็เป็นจริง เมื่ออัลลันแจ้งทรัมป์ว่า Holiday Inn ได้ใช้มาตรการ "Poison Pill" เพื่อเพิ่มภาระหนี้สินและลดความน่าดึงดูดในการถูกเทคโอเวอร์ โดยบริษัทวางแผนที่จะปรับโครงสร้างและกู้เงินจำนวนมากเพื่อจ่ายเงินปันผลพิเศษ 65 ดอลลาร์ต่อหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นปัจจุบัน
เมื่อข่าวการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 65 ดอลลาร์ต่อหุ้นแพร่ออกไป ราคาหุ้น Holiday Inn พุ่งสูงขึ้นเป็น 76 ดอลลาร์ ในขณะนั้นเอง ทรัมป์จึงเห็นโอกาสทองและตัดสินใจทำกำไรจากสถานการณ์นี้ เขาสั่งให้อัลลันขายหุ้นทั้งหมดทันที
ภายในสิ้นสัปดาห์ ทรัมป์ได้ขายหุ้น Holiday Inn ทั้งหมดที่เขาถืออยู่ ทำกำไรได้หลายล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงแปดสัปดาห์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ใกล้เคียงกับที่เขาจ่ายให้ Holiday Inn เมื่อสามเดือนก่อนหน้า เพื่อซื้อหุ้นส่วนของบริษัทในคาสิโนแอตแลนติกซิตี
ในหนังสือระบุไว้ว่า ทรัมป์ตัดสินใจขายหุ้นออกทั้งหมดด้วยเหตุผลหลักคือ:
- ได้กำไรงามในเวลาอันรวดเร็ว - การลงทุนของเขาได้เพิ่มมูลค่าขึ้นจาก 50 ดอลลาร์เป็น 76 ดอลลาร์ต่อหุ้นในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ - การต่อสู้เพื่อเข้าควบคุม Holiday Inn หลังจากที่บริษัทใช้มาตรการ Poison Pill อาจต้องใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง
- ผลตอบแทนที่แน่นอน vs. ความเสี่ยง - การขายหุ้นทำให้ได้ผลตอบแทนที่แน่นอนทันที ในขณะที่การเข้าควบคุมบริษัทมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนมากกว่า
- ใช้ประโยชน์จากปฏิกิริยาของตลาด - การที่ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นหลังจากประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษเป็นโอกาสทองที่ทรัมป์ไม่ปล่อยให้หลุดมือ
ท้ายที่สุด กลยุทธ์ของทรัมป์กับ Holiday Inn แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมในการมองหาโอกาส การใช้ประโยชน์จากข่าวลือในตลาด และการตัดสินใจที่รวดเร็วและยืดหยุ่นเพื่อทำกำไรสูงสุด แม้ว่าการเข้าควบคุม Holiday Inn อาจเป็นเป้าหมายเริ่มต้น แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ทรัมป์ก็พร้อมปรับกลยุทธ์และฉกฉวยโอกาสที่ดีที่สุดเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน ดังนั้นสำหรับใครที่ต้องการเข้าใจวิธีคิดและกลยุทธ์ของทรัมป์ในการดำเนินนโยบายด้านภาษีสถานการณ์นี้อาจเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การตัดสินใของทรัมป์เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา