โบรกคาด ‘หุ้นไทย ’รีบาวนด์สั้น รับทรัมป์ระงับขึ้นภาษี 90 วัน ดันดัชนีพุ่งแรง 58 จุด 

โบรกคาด ‘หุ้นไทย ’รีบาวนด์สั้น รับทรัมป์ระงับขึ้นภาษี 90 วัน ดันดัชนีพุ่งแรง 58 จุด 

โบรกคาด‘หุ้นไทย’รีบาวนด์สั้น รับทรัมป์ระงับขึ้นภาษี 90 วัน ดันดัชนีพุ่งแรง 58 จุด นักวิเคราะห์ ระบุ รอลุ้นรัฐบาลเจรจาต่อรองปรับโครงสร้างภาษีกับสหรัฐ แนะ “เก็งกำไร” กลุ่มส่งออก

“ดัชนีหุ้นไทย” วานนี้พุ่งแรง 58.68 จุด รับผลบวก “ทรัมป์” สั่งระงับขึ้นกำแพงภาษี 90 วัน “บล.กสิกรไทย” มองแนะนำ “เก็งกำไรระยะสั้น” หุ้นกลุ่มส่งออก-เชื่อมโยงกับอุปสงค์ต่างประเทศ จับตาสัปดาห์ยังเสี่ยงสูง “ถือเงินสด-หุ้นคุณภาพ” แนวรับยังไม่หลุด 1,000 จุด “บล.ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล” ลุ้นรัฐบาลในการเข้าไปเจรจากับสหรัฐ 

โบรกคาด ‘หุ้นไทย ’รีบาวนด์สั้น รับทรัมป์ระงับขึ้นภาษี 90 วัน ดันดัชนีพุ่งแรง 58 จุด 

ความเคลื่อนไหว “ดัชนีหุ้นไทย” วานนี้ (10 เม.ย.2568) พุ่งแรงมาปิดตลาด 45.77 จุด มาอยู่ 1,133.95 จุด หรือ 4.21% โดยระหว่างวันทำจุดสูงสุดที่ 58.68 จุด และต่ำสุด 34.77 จุด มูลค่าซื้อขาย 50,222.48 ล้านบาท

 

นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงหลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศเลื่อนการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ออกไปเป็นเวลา 90 วัน เปิดโอกาสให้ประเทศคู่ค้าต่างๆ เข้ามาเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงขัดแย้งทางการค้า ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนพลิกกลับมาเป็นบวก หลังลดความกังวลเรื่องผลกระทบเชิงลบจากภาษีสหรัฐต่อปริมาณการค้าโลก และส่งออกไทย ดังนั้น กลุ่มที่ปรับตัวลงแรงก่อนหน้าจึงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากในลักษณะรีบาวนด์วานนี้ โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับส่งออกและอุปสงค์จากต่างประเทศ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ อาหารสัตว์เลี้ยง นิคมอุตสาหกรรม พลังงาน และปิโตรเคมี

หากมองไปข้างหน้า ประเมินว่าความผันผวนในตลาดยังสูงเนื่องจากความไม่แน่นอนของท่าทีทรัมป์ที่สามารถเปลี่ยนไปมาได้อย่างรวดเร็ว นักลงทุนอาจสามารถซื้อเก็งกำไรกลุ่มส่งออกและเชื่อมโยงกับอุปสงค์ต่างประเทศเหล่านี้ได้ แต่แนะนำให้เก็งกำไรเพียงระยะสั้น

โดยมุมมองข้างหน้ายังเสี่ยง อีกทั้งสัปดาห์หน้ามีวันหยุดยาวตลาดปิด สถานการณ์อาจมีการปรับเปลี่ยน และปริมาณซื้อขายมักเบาบาง ทำให้เราแนะนำยังต้องเน้นถือเงินสดหรือซื้อลงทุนหุ้นที่มีคุณภาพเมื่อราคามีการปรับตัวย่อลง มองแนวต้านดัชนี 1,150 และ 1,200 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวรับมองบริเวณ 1,095 และ 1,130 จุด

นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นโดดเด่นหากปรับขึ้นไปที่ 1,150 จุุด นักลงทุนจะมีการทยอย Take Profit ซึ่งเป็นจุดทำกำไร เพราะเห็นว่าที่ผ่านมาหุ้นไทยปรับขึ้นมามากพอสมควร และในระดับ 1,150 จุด รับรู้กรณีที่สหรัฐประกาศระงับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน

โดยหลังจากนี้จะเริ่มเห็นแรงเทขายออกมาไซด์เวย์ออกข้าง รอรับเรื่องใหม่ ๆ ที่ไม่ใช้เรื่องภาษี และเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นการเลื่อนออกไป และลุ้นรัฐบาลในการเข้าไปเจรจาและจะได้ดีลกลับมาในรูปแบบใด และติดตามความเห็นของเฟดหลังจากนี้จะลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วหรือช้าในอัตราดอกเบี้ยที่เท่าไรที่ยังคงต้องเฝ้าติดตาม นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของงบไตรมาส 1 ปี 2568 ของบริษัทจดทะเบียนด้วยที่ยังคงต้องดูว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไร

ดังนั้น แนะนำนักลงทุน Take Profit หรือขายทำกำไรออกก่อนครึ่งหนึ่งได้ สำหรับหุ้นไทยและรอลุ้นงบไตรมาส 1 ปี 2568 ที่กำลังจะออกมา ซึ่งระดับ 1,150 จุด ถือว่าเป็นแนวต้านสำคัญ ก่อนที่จะไปอยู่ในระดับ 1,200 จุด และจะต้องพบกับแรงเทขายออกมา

โดยงบกลุ่มแบงก์ที่จะเริ่มออกมาเป็นกลุ่มแรก มองงบน่าจะมีการตั้งสำรองในเรื่องของแผ่นดินไหวไว้ในระดับหนึ่ง ฉะนั้น งบอาจจะไม่สวยอย่างที่คิดได้ ทำให้หุ้นมีการปรับย่อลงมา รวมถึงความเห็นความเห็นของเฟดที่กำลังจะออกมาพูด ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะปรับลดช้าลงหรือไม่จากระดับภาษีที่ยังสูงอยู่ อาจทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงมาที่ 1,130 จุด ก็อาจจะเป็นไปได้จากที่ปรับตัวขึ้นมาแรง

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นกว่า 4% สอดคล้องกับตลาดภูมิภาค หลังประธานาธิบดีสหรัฐประกาศระงับบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีศุลกรกรตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน ยกเว้นประเทศจีน ส่งผลให้หุ้นที่ปรับตัวลงแรงก่อนหน้านี้ฟื้นตัวขึ้นมาได้ดี

แนวโน้มระยะเวลา 90 วัน เปิดโอกาสให้มีการเจรจาต่อรองปรับโครงสร้างภาษี รวมถึงเงื่อนไขอื่น ๆ ทำให้ตลาดยังไม่มีความเสี่ยงใหม่เข้ามา ทำให้หุ้นไทยเกิด Relief Rally ฟื้นจากภาวะขายมากเกิน ขณะที่ในประเทศยังไร้ปัจจัยบวกใหม่

ดังน้น แนะนักลงทุนหาจังหวะปรับพอร์ต โดยแนะนำกลุ่มอาหารประเภทเนื้อสัตว์จากแนวโน้มผลประกอบการดี กลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่คาด Yield สูง และไม่ได้กระทบกับการปรับลดการเติบโตของเศรษฐกิจมากนัก และกลุ่มไฟแนนซ์เก็งคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยปลายเดือน เม.ย.