อินโนเวสท์ เอกซ์ แนะเร่งเปิดเสรีการค้ายุโรป รับกำแพงภาษีทรัมป์

อินโนเวสท์ เอกซ์ แนะเร่งเปิดเสรีการค้ายุโรป รับกำแพงภาษีทรัมป์

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ แนะไทยเร่งเปิดเสรีการค้ายุโรป ตั้งรับกำแพงภาษีทรัมป์ แม้เดินหน้าเจรจาต่อรอง หวังอัตราภาษีเฉลี่ยที่ 10-15% ฉุดจีดีพีไทยปีนี้โตเหลือ 1.4% จาก2.5%

จากเวทีเสวนาโต๊ะกลม (Roundtable) “Trump’s Global Quake: Thailand Survival Strategy” จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และ โพสต์ทูเดย์  หัวข้อ ผ่ากำแพงภาษี "ทรัมป์" ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ เมื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จุดไฟสงครามเศรษฐกิจรอบใหม่ ไทยโดนหางเลขเต็มๆ ด้วยภาษี 36% แล้วเราจะเอายังไงต่อดี? 

นายปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) กล่าวว่า แนวทางแก้ปัญหาผลกระทบกำแพงภาษีของทรัมป์ แนะนำว่า เราควรเร่งเปิดเสรีกับยุโรป ซึ่งมีสัญญาณดีมาก ด้วยภาพตอนนี้ยุโรปพร้อมที่จะคุยกับไทยมากขึ้น มีความเป็นไปได้สูง ที่จะมีโอกาสเปิดเขตการค้าเสรีไทยยุโรปได้ภายในปลายปีนี้

ถ้าเป็นเช่นนี้ มูลค่าการค้าไทยกับยุโรปจะเพิ่มขึ้น 15-20% ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า และทำให้สัดส่วนการค้าไทยกับยุโรป เพิ่มเป็น 10-15% จาก 7% ในช่วงปีต่อๆ ไป      

รวมถึงมองว่า ประเทศที่มีการเตรียมตัวมาดีรองรับภาพสงครามการค้าเป็นการเปลี่ยนขั้วอำนาจโลก คือ  "จีน"   จากการที่นายกฯ จีน พูดชัดเจนในการพร้อมที่จะปรับตัวให้กับการเปลี่ยนแปลงของโลกในรอบ 100 ปี ซึ่งหากสหรัฐมาทำสงครามการค้า สหรัฐก็จะสูญเสียความเป็นมหาอำนาจโลกด้วย  โดยจีนเตรียมตัวขึ้นเป็นอันดับ 1 แทน ขยายตลาดมานอกประเทศมากขึ้น แต่ยังต้องสร้างความแข็งแกร่งภายใน ด้วยการลงทุน และหันมาเน้นการบริโภคมากขึ้น 

หรือแม้แต่ "เยอรมัน" ได้นายกฯ ใหม่ ยุติวินัยการคลังที่ตึงเกินไป และตั้งกองทุน 5 แสนกว่าล้านยูโร  วางแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่มูลค่าถึง 1% ของจีดีพี 

ดังนั้นหากเศรษฐกิจไทยเดินต่อไปได้ในระยะสั้น และระยะยาว เรามองว่า ต้องมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ด้วยมูลค่าถึง 4 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20% ของจีดีพี หากภาครัฐอัดเมกะโปรเจกต์เพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง จะทำให้จีดีพีไทยระยะสั้นโต 1-1.5%  จะช่วยลดทอนผลกระทบสงกรามการค้าที่เกิดขึ้นได้ และในระยะกลางถึงยาว จะประสิทธิภาพที่มากขึ้นทั้ง ถนน สะพาน ระบบราง ควรเร่งท่าเรือฝั่งอันดามันที่ไปค้าขายฝั่งตะวันตกเพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้ ซอฟต์อินฟาสตักเจอร์ ทำให้ระบบการบริหารจัดการภาครัฐดีขึ้น การผ่านกฎหมายต่างๆ ที่ซ้ำซ้อนทำได้เร็วขึ้น การทำให้ไปสู่การปฏิบัติจริงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีการตั้งงบ ตั้งคณะทำงานมีทั้งนักวิชาการ ข้าราชการ ฝั่งการเมือง  โดยมีนายกฯ เป็นประธาน และต้องมีวงเงินพอสมควร จะสามารถผลักดันได้เร็ว  

     

อินโนเวสท์ เอกซ์ แนะเร่งเปิดเสรีการค้ายุโรป รับกำแพงภาษีทรัมป์

นายปิยศักดิ์ กล่าวว่า ผลกระทบการตั้งกำแพงภาษีของทรัมป์ ภาพใหญ่ของการเจรจากับสหรัฐ ค่อนข้างยาก โดยในช่วง 2-3 เดือนนี้ จะเป็นภาพที่คุกรุ่น และฝุ่นตลบ ทุกคนเข้าไปเจรจา แต่ประเทศเล็กๆ อย่างไทย หรือในเอเชีย ก็คงต้องยอมทำเป็นหลัก ซึ่งเรามีแต้มต่อที่น้อยกว่ามาก  แต่เราต้องเล่นเกม โดดเดี่ยวสหรัฐไป และต้องหาตลาดอื่น อย่างยุโรปต้องมาแทนสหรัฐ 

อย่างไรก็ดี เมื่อใช้กระบวนการทางภาษีขึ้นมา  ก็จะกลับไปเป็นแบบปี 1930 ทุกที่ขึ้นภาษีตอบโต้กัน นำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยกันทั่วโลก เศรษฐกิจสหรัฐตกต่ำถึง 40% หรือ ลดลงปีละ 10% ต่อเนื่องกัน 4 ปี จนนำมาสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 มองว่า สถานการณ์ตอนนี้กำลังมุ่งไปเป็นเช่นนั้น หลังจากสหรัฐ ตอบโต้จีนขึ้นภาษีถึง 100% แต่กรณีเรายังมองมีโอกาสเพียง 10%

เราหวังว่า ตอนนี้หลายฝ่ายจะเข้ามาเจรจาพูดคุยกัน สามารถลดถอนภาษีต่างๆ ได้ จะสามารถเจรจาได้ในระดับหนึ่ง ทำให้อัตราภาษีเฉลี่ยไปอยู่ที่ราว 15% เช่นเดียวกับไทยถูกสหรัฐขึ้นภาษีที่ 36% จะถูกดึงกลับมาที่ 15% ด้วย  กรณีเรามองเป็นสมมติฐานกลาง และเราใช้ประมาณการ จีดีพีไทยปีนี้จะลงจาก 2.5% เหลือ 1.4% ส่งออกจาก -1% เป็น -3%  ธปท. อาจจะลดดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้ ในฝั่งสหรัฐ จีดีพีจาก 1.9% เหลือ 0.9% และเศรษฐกิจโลก (ไอเอ็มเอฟ เดือนม.ค.) คาดไว้ที่ 3.5% เหลือ 2.5%

 

แต่หากอัตราภาษีขั้นต่ำกับไทย คือ 10% เศรษฐกิจไทยจะไม่แย่มาก จีดีพีไทย จาก 2.5% เหลือ 1.7% ส่งออก -2.8% จาก -3% จีดีพีสหรัฐ จาก 1.9% เหลือ 1.5% ถ้าภาพของความเสี่ยงเศรษฐกิจสูงขึ้นแต่เงินเฟ้อสูงด้วย เชื่อว่า การลดดอกเบี้ยลำบากขึ้น ธปท.อาจไม่ลดดอกเบี้ยเลย แต่เรื่องค่าเงินอาจช่วยได้ หากสงครามการค้ารุนแรงขึ้น เช่นเดียวกับจีนเริ่มลดค่าเงินหยวน

นายปิยศักดิ์ กล่าวว่า กำแพงภาษีของทรัปม์จะมีโมเมนตัมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยเพิ่มมากขึ้น จากส่งออกชะลอ มาสู่การจ้างงานมีปัญหา มองว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง จะน่ากลัว การเติบโตไตรมาสต่อไตรมาสจะติดลบค่อนข้างมาก โดยไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ของปีนี้ วิ่งลงแรง เติบโตเพียง 0.4% และ 0.2%

ส่งออกไตรมาส 1 ปีนี้ โต 8% จะวิ่งลงแรงเข้าสู่ไตรมาส 4 คาดติดลบแรง -10% ส่งออกไม่ได้ เพราะสหรัฐเป็นตลาดส่งออกหลัก จะส่งผลต่อการลงทุน และการบริโภคตามมา  ไตรมาส 4 เศรษฐกิจไทยจะแย่มากหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้จะลากยาวไปปี 2569 ด้วย

สำหรับ 5 อุตสาหกรรมที่รับผลกระทบหนัก ได้แก่ ส่วนประกอบชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เครื่องจักรกล สินค้าเกษตร อัญมณี ยาง และปัญหาจะล่ามเข้าสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ มากขึ้นด้วย

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์