เปิดโผ 20 หุ้นใหญ่ มีโอกาสประกาศซื้อหุ้นคืน หลัง SET100 ลงเร็ว-ลึก เฉลี่ย -34%

บล.เอเชีย พลัส เผย หุ้นใน SET100 ลงมาเร็วลงมาลึกจากจุดสูงสุดปีที่แล้วเฉลี่ย -34% ปัจจุบันเริ่มเห็นการประกาศซื้อหุ้นคือจากหุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTT และนับตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ 20 หุ้นใหญ่ มีโอกาสประกาศซื้อหุ้นคืน
บล.เอเชีย พลัส เปิดเผยว่า หุ้น SET100 ลงมาเร็วลงมาลึกจากจุดสูงสุดปีที่แล้วเฉลี่ย -34% จนมีหุ้นใน SET100 ถึง 39 ตัว ที่มี PBV < 1 และปัจจุบันเริ่มเห็นการประกาศซื้อหุ้นคือจากหุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTT และนับตั้งแต่ต้นปี มีบริษัทต่างๆ ซื้อหุ้นคืนไปแล้วกว่า 4.8 พันล้านบาท (YTD)
ฝ่ายวิจัยฯ ทำการค้นหาหุ้นที่มีโอกาสถูกซื้อหุ้นคืน ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้
1.หุ้นที่ VALUATION ถูก (PBV < 1)
2.มีเงินสดในมือสูง (CASH ON HAND > 15% ของ MARKET CAP)
3.พร้อมกับสามารถสร้างเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกได้(CFO 2024 > 0)
ได้ผลลัพธ์ 20 บริษัท คือ BANPU, EGCO, BGRIM, BCP, RCL, IRPC, TOP, HANA, PTT, CK, CKP, PTTGC,BCPG, GPSC, STGT, SCC, SIRI, SJWD, TU, SCGP
ทั้งนี้ปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตามเริ่มจากวันที่ 2 เม.ย.68 ทั่วโลกจับตาแผนการเรียกเก็บภาษีตอบโต้กับทุกประเทศของ TRUMP ซึ่งล่าสุดได้กล่าวว่า ผมไม่ได้เปลี่ยนใจต่อการกระทำดังกล่าว แค่คำว่ายืดหยุ่นเป็นคำที่มีความสำคัญ และ บางประเทศอาจได้รับการยกเว้น นอกจากนี้ TRUMP กล่าวว่า เขามีแผนที่จะพูดคุยกับสี จิ้นผิง หลังจากที่จีนประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ตลาดการเงินผ่อนคลายความกังวลในช่วงสั้นได้
อย่างไรก็ตาม BLOOMBERG ได้คาดการณ์ผลกระทบจากการขึ้นภาษีศุลกากรของ TRUMP ว่าจะส่งผลกระทบต่อแต่ละประเทศเท่าไหร่บ้าง ทั้งในมุมของมูลค่าผลกระทบ และ % GDP ซึ่งต้องติดตามว่าผลลัพธ์จะกระทบมาก/น้อยแค่ไหน และจะมีประเทศไทยเอี่ยวในสมการนี้หรือไม่ (ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 11)
ส่วนอีกประเด็น คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนอาจเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น ผ่านการเดินหน้างบประมาณปี2568 ที่เร็วขึ้น หลังเกิดการเบิกจ่ายที่ล่าช้าไปกว่า 11 เดือนในปี 2567 อีกทั้งรัฐบาลบาลท้องถิ่นจีนออกพันธบัตรสุทธิ 2.4 ล้านล้านหยวน ใน ม.ค.–ก.พ. 68 ซึ่งมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบ YOY ดังนั้นการที่ GDP GROWTH ปีนี้ของจีนจะแตะระดับ +5%YOY ก็คงไม่ห่างไกลความจริง
สำหรับ เศรษฐกิจไทยปีนี้มีแต่เรื่องท้าทายการเติบโตเศรษฐกิจไทยในปี 2568 CONSENSUS คาดการณ์ขยายตัวเฉลี่ย +2.8%YOY (ต่ำสุดคาด 1.7%, สูงสุดคาด 3.1%) ซึ่งมีแนวโน้มโน้มดีขึ้นจากปีก่อนที่ +2.5%YOY สำหรับปัจจัยหนุนภายในประเทศหลักๆ ยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ DIGITAL WALLET เฟส 3 (อายุ 16 –20 ปี) ช่วง 2Q68, มาตการผ่อนปลน LTV ซึ่งธุรกิจอสังหาฯ มีสัดส่วน 4.3% ของ GDP เป็นต้น โดยน่าจะช่วยเบาเทาแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกได้บ้าง
ขณะที่ศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์เผยยอดส่งออกไทยเดือน ก.พ. 68 พุ่ง +14.0%YOY สูงกว่าตลาดคาดที่8.0%YOY หนุนให้ไทยกลับมาเกินดุลการค้าได้อีกครั้ง ล่าสุดอยู่ที่ 1,988 ล้านเหรียญฯ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ คาดส่งออกไทยในช่วง 1Q68 โตเป็นตัวเลขสองหลัก ทั้งปีมีลุ้นโตทะลุเป้า 3% ซึ่งสะท้อนถึงการเร่งส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าค่อนข้างชัดเจน หวังเลี่ยงผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค่าสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้า บ้านเรายังระวังความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกมากขึ้น โดยเฉพาะความรุนแรงของTRADE WAR ซึ่งเหลือเวลาอีกราว 1 สัปดาห์ ที่จะครบกำหนดการบังคันใช้ภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ในวันที่ 2 เม.ย.68 ส่วนปัจจัยภายในประเทศวันนี้ 24-25 มี.ค. 68 จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก่อนที่ 26 มี.ค. 68 สภาผู้แทนราษฎรจะมีการลงมติ
สำหรับภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย สัดส่วนราว 10% -12% ของ GDP ไทย ตั้งแต่ 1 ม.ค. –16 มี.ค. 68 โต 3.9% YOY มาที่ 8.3 ล้านคน ซึ่งอัตราการเติบโตดังกล่าวยังต่ำกว่าสมมติฐานฝ่ายวิจัยที่มองทั้งปีขยายตัว 8.6% YOY เหตุเพราะนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้า โดยตัวเลขสัปดาห์ 10 มี.ค. – 16 มี.ค. 68 จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยอยู่ที่ 70,604 คน แม้ฟื้นตัว WOW ต่อเป็นสัปดาห์ที่สองระดับ 4% แต่ยังหดตัว 46% YOY ผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดกับ ซิง ซิง และการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวจากประเทศอื่น อาทิ ญี่ปุ่น
ทำให้เป้าหมายสมมติฐานนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยดูท้าทายขึ้น หากอัตราการเปลี่ยนแปลง YOY บนฐานที่เข้าช่วงรอมฎอนเต็มสัปดาห์เหมือนกัน และช่วง เม.ย. ที่มีเทศกาลสงกรานต์ ยังไม่ฟื้น โดยกรณีที่นักท่องเที่ยวฯ ปี 2568 เข้าไทยประมาณ 37 -37.5 ล้านคน อัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 4.1% -5.5% YOY