หุ้นไทยวันนี้ (17 มี.ค.) ปิดตลาดหุ้น ลบ 3.56 จุด จับตาประชุมเฟดสัปดาห์นี้

หุ้นไทยวันนี้ (17 มี.ค.) ปิดตลาดหุ้น เย็นอยู่ที่ 1,170.20 จุด ลดลง 3.56 จุด หรือ 0.30% โบรกชี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเล็กน้อยในกรอบแคบตามคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุนรอดูผลประชุมธนาคารกลางทั้ง BOJ และ BOE ในสัปดาห์นี้ คาดพรุ่งนี้ดัชนีฯ แกว่งตัวในกรอบ 1,160-1,185 จุด
หุ้นไทยวันนี้ (17 มี.ค.) ปิดตลาดหุ้นเย็นอยู่ที่ 1,170.20 จุด ลดลง 3.56 จุด หรือ 0.30% โดย ดัชนีหุ้นไทย ผันผวนในทิศทางลงเกือบทั้งวัน ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,178.51 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,165.46 จุด และมีมูลค่าซื้อขาย 35,834.86 ล้านบาท
หุ้นไทยวันนี้ ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- KBANK ราคาปิด 152.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 2.35% มูลค่าซื้อขาย 3,050,165.95 ล้านบาท
- PTT ราคาปิด 29.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.72% มูลค่าซื้อขาย 2,276,875.55 ล้านบาท
- ADVANC ราคาปิด 259.00 บาท ลดลง 8.00 บาท หรือ -3.00% มูลค่าซื้อขาย 2,190,880.30 ล้านบาท
- SCC ราคาปิด 169.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 0.88% มูลค่าซื้อขาย 1,481,422.70 ล้านบาท
- BBL ราคาปิด 144.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.69% มูลค่าซื้อขาย 1,418,415.45 ล้านบาท
ตลาดย่ำฐานรอปัจจัยใหม่กระตุ้น
ดัชนีตลาดหุ้นไทย ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบและยังคงย่ำฐานในระดับปัจจุบัน แม้จะมีปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะในส่วนของการบริโภค (consumption) และกิจกรรมค้าปลีก (retail activity) นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ให้ความเห็นว่า ตลาดอยู่ในช่วงของการรอปัจจัยใหม่ โดยภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังคงวิ่งในกรอบแคบประมาณบวกลบ 3 จุดเป็นรายวัน
"ในภาพรวมตลาดบ้านเรายังย่ำฐานอยู่ในโซนนี้ เหมือนบวกสลับลบ เป็นรายวัน อย่างวันศุกร์ที่ผ่านมาเราพยายามจะฟื้น ซึ่งเก็งสตอรี่ของจีน มันก็มีเหมือนเล่นล่วงหน้าไปก่อน วันนี้ก็อาจจะเป็นภาพของการย่อลงมาบ้าง" นายวิจิตรกล่าว
เหตุผลที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัว
นายวิจิตรระบุว่า แม้ระดับดัชนีในปัจจุบันจะอยู่ในระดับที่เหมาะสมที่ค่า P/E ประมาณ 12 เท่า ซึ่งไม่ได้แพงเกินไป แต่ปัจจัยสำคัญที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของตลาดคือ "ความเชื่อมั่นของนักลงทุน" ที่ยังอ่อนแอ โดยเฉพาะในส่วนของเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติในระยะยาวที่ยังไม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเล่นเก็งกำไรระยะสั้นเป็นหลัก
"เลเวลโซนนี้พีอี 12 เท่า มันไม่ได้แพงหรอก เพียงแต่ว่าปัจจัยหรือความเชื่อมั่นของนักลงทุนอาจจะต้องรอพวกเม็ดเงินต่างชาติที่ใส่เข้ามาหนัก ซึ่งต้องยอมรับว่ายังไม่เห็น ลองเทอมฟันด์ที่เข้ามาอาจจะแค่เป็นเส้นสั้นๆ กลายเป็นว่าอยู่ในโซนที่เทรดดิ้งได้ มันก็จะเล่นสั้น ทิศทางของโมเมนตัมก็ไม่ได้ไปไหน" นายวิจิตรอธิบาย
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้
สำหรับสัปดาห์นี้ ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตามคือการประชุมของธนาคารกลางหลายแห่ง ทั้งธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ได้คาดหวังการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากธนาคารกลางต่างๆ ยังคงรอความชัดเจนในเรื่องมาตรการทางเศรษฐกิจของสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่คาดว่าจะมีการประกาศในช่วงต้นเดือนเม.ย.
แนวโน้มดัชนีในวันพรุ่งนี้
สำหรับแนวโน้มของดัชนีหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ นายวิจิตรคาดว่าจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบประมาณ 1,160-1,185 จุด โดยมีแนวรับที่ 1,160 จุด และแนวต้านที่ 1,185 จุด ซึ่งรูปแบบการเคลื่อนไหวของดัชนียังคงอยู่ในขาของการรีบาวด์ระยะสั้น โดยมีเป้าหมายที่ 1,200 จุด
คำแนะนำการลงทุน
นายวิจิตรแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาหุ้นใน 2 กลุ่มหลัก ได้แก่
หุ้นพื้นฐานดีที่ราคาไม่แพง: กลุ่มเฮลท์แคร์ที่ปรับตัวลงมาเยอะและราคาย่ำฐานในระดับที่น่าสนใจ เช่น BDMS สำหรับนักลงทุนสายปลอดภัย
หุ้นที่มีอีเวนท์เฉพาะ: กลุ่มประกันภัย เช่น TLI ที่จะได้ประโยชน์จากการที่กองประกันจะเริ่มใช้ CO-PAYMENT ในวันที่ 20 มี.ค. ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มประกัน นอกจากนี้ ในปีนี้กลุ่มประกันยังมีการปรับเปลี่ยนมาตรฐานบัญชีใหม่ ซึ่งจะช่วยให้กำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 10% โดยไม่ต้องดำเนินการใดๆ เพิ่มเติม
"ผมว่ากลุ่มเฮลท์แคร์ก็ได้ ลงมาเยอะมากเลย แล้วก็ราคาย่ำฐานใช้ได้ BDMS โซนนี้น่าตั้งรับสำหรับคนที่สายเซฟ ส่วนสายอีเวนท์ที่น่าสนใจ ผมว่า TLI ตัวประกันภัย กองประกันส่วนมากวันที่ 20 มี.ค. จะเริ่มใช้ COPAYMENT ซึ่งจะเป็นบวกต่อกลุ่มประกัน" นายวิจิตรแนะนำ







