ดาวโจนส์ ฟื้นขึ้นกว่า 650 จุดในวันศุกร์ แต่ยังติดลบในรอบสัปดาห์

ดาวโจนส์ ฟื้นกว่า 650 จุด หุ้นวอลล์สตรีท ปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ ฟื้นตัวจากการสูญเสียครั้งใหญ่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากนักลงทุนได้พักจากข่าวเกี่ยวกับ สงครามภาษี
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาด หุ้นวอลล์สตรีท วันศุกร์(14 มี.ค.) ว่า
ดัชนีอุตสาหกรรม ดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average พุ่งขึ้น 674.62 จุด หรือ 1.65% ปิดที่ 41,488.19 จุด
ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 2.13% ปิดที่ 5,638.94 จุด
ดัชนี Nasdaq Composite พุ่งขึ้น 2.61% ปิดที่ 17,754.09 จุด
ถือเป็นวันที่ดีที่สุดในปี 2025 สำหรับทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq
หุ้นเทคโนโลยี ขนาดใหญ่ที่ร่วงลงเมื่อต้นสัปดาห์นี้ฟื้นตัวอย่างมากในวันศุกร์
- หุ้นNvidia พุ่งขึ้นมากกว่า 5%
- หุ้นTesla พุ่งขึ้นเกือบ 4%
- หุ้นMeta Platforms เพิ่มขึ้นเกือบ 3%
- หุ้นAmazon และ หุ้นApple ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
หุ้นฟื้นตัวหลังจากไม่มีข่าวพาดหัวข่าวใหม่ๆ จากทำเนียบขาวเกี่ยวกับภาษีศุลกากร ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นคลายลงชั่วคราว และนักลงทุนอาจซื้อหุ้นหลังจากตลาดหุ้นปรับตัวลงเมื่อวันพฤหัสบดี
การร่วงลงมากกว่า 1% ในวันพฤหัสบดีทำให้ ดัชนี S&P 500 เข้าสู่โหมดปรับฐาน คือลดลงอย่างน้อย 10% จากราคาปิดสูงสุดเมื่อ 16 วันก่อน การเทขายในช่วงดังกล่าวทำให้ Nasdaq ปรับฐานลึกลงไปอีก และทำให้ ดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีกลุ่มหุ้นขนาดเล็กเข้าใกล้ภาวะตลาดหมี หรือปรับตัวลดลง 20% จากจุดสูงสุด
การลดลงถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่นักลงทุนจับตามอง เนื่องจากนโยบายภาษีศุลกากรของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ขึ้นๆ ลงๆ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนและความผันผวนของตลาด
แม้หุ้นฟื้นตัวพุ่งขึ้นในวันศุกร์ แต่ดัชนีทั้งสามก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยง การร่วงลงรายสัปดาห์ได้ โดยในรอบสัปดาห์นี้ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงราว 3.1% ถือเป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 ทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ร่วงลงมากกว่า 2% และร่วงลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4
ข่าวบวกต่อตลาดคือรัฐบาลสหรัฐจะไม่ต้องชัตดาวน์ โดยชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต รัฐนิวยอร์ก กล่าวว่าเขาจะไม่ขัดขวางร่างกฎหมายการจัดหาเงินทุนของรัฐบาลพรรครีพับลิกัน
แต่มีข่าวลบ ข้อมูลที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ยืนยันว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับภาษีศุลกากร ซึ่งเป็นความกังวลที่ทำให้ตลาดร่วงลงในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงในเดือนมีนาคมเหลือ 57.9 ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Dow Jones คาดไว้ที่ 63.2
“ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคแย่ลง คาดการณ์เงินเฟ้อสูงขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี สูงขึ้น คุณคงคิดว่าตลาดน่าจะตกต่ำ” โทมัส มาร์ติน ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Globalt Investments กล่าวว่า “ผู้คนจำนวนมากกำลังจับตาดูว่าการพุ่งขึ้นครั้งนี้จะครอบคลุมในวงกว้างหรือยั่งยืนหรือไม่”
นักลงทุนกำลังเตรียมตัวสำหรับการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่กำหนดไว้ในสัปดาห์หน้า โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อิงกับดอกเบี้ยเฟดชี้ว่า มีโอกาส 97% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ โดยอ้างอิงจากเครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME
“สิ่งที่เราอยากเห็นคืออัตราดอกเบี้ยไม่ขึ้น เพราะนั่นจะเป็นสัญญาณว่าเฟดกำลังสูญเสียการควบคุม ถ้าเฟดบอกว่ากำลังปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่อัตราดอกเบี้ยขึ้น นั่นหมายความว่าขาดความเชื่อมั่น” มาร์ตินกล่าวเสริม