หุ้นไทยเช้ารีบาวด์ 4.27 จุด 'โบรก'เผยยังกังวลเทรดวอร์ เน้นลงทุนกลุ่ม Domestic

หุ้นไทยเช้ารีบาวด์ 4.27 จุด อยู่ที่ 1,163.91 จุด หรือบวก 0.37% 'โบรก' เผยยังกังวลเทรดวอร์ เน้นลงทุนกลุ่ม Domestic
ความเคลื่อนไหวตลาด "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ วันที่ 14 มี.ค.2568 อยู่ที่ 1,163.91 จุด บวก 4.27 จุด หรือบวก 0.37% มูลค่าการซื้อขาย 5,349.73 ล้านบาท
วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ขึ้นมาได้ในช่วงระยะสั้น แต่คาดว่ายังคงไปไหนไม่ได้ไกลมาก และยังไม่มีสัญญาณบวก แม้ว่าเซนติเมนหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้อาจจะไม่ดีมากนักปรับร่วงลงมาจากความกังวลสงครามการค้า ขณะที่หุ้นเอเชียกลับไม่ได้ลงแรงตาม เนื่องจากฟิวเจอร์ของสหรัฐมีการปรับฟื้นขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม สงครามการค้าตลาดยังคงมีความกังวล ทำให้มีเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ไทยเองยังตัองจับตาดูด้วยว่า ตั้งแต่เดือน เม.ย.2568 เป็นต้นไป สหรัฐจะมีการตอบโต้ภาษีการค้ากับทุกประเทศที่คู่ค้า ไทยโดนด้วยหรือไม่ เนื่องจากไทยเกินดุลการค้าอยู่ในลำดับ 11 ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตาม
ทั้งหุ้นที่มีการปรับตัวลงแรงก่อนหน้า อย่าง CPALL วันนี้ก็ปรับตัวขึ้นมาได้ โดยวันนี้แนะนำนักลงทุน ลงทุนซีเล็กทีฟ ในหุ้น Domestic ซึ่งหุ้นขนาดใหญ่ปรับบวกขึ้นมาค่อนข้างกระจายไปหลายตัว แต่ด้วยปัจจัยต่างประเทศที่ไม่แน่นอนมีการประกาศตอบโต้ภาษีอยู่ และสุดท้ายตลาดจะกลับมากังวลการค้าเศรษฐกิจโลก จึงเน้นลงทุนหุ้นในประเทศที่เกี่ยวกับสินค้าบริการจำเป็น
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกยังได้รับแรงกดดันหลักจากประเด็นสงครามการค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุดยังคงเห็นสัญญาณของทรัมป์พยายามจะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรป เช่น ไวน์ แชมเปญ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ สูงถึง 200% และจะไม่ยกเลิกภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมที่ได้ประกาศไปในสัปดาห์นี้ รวมถึงจะเดินหน้าใช้มาตรการภาษีตอบโต้ต่อคู่ค้าทั่วโลก ซึ่งจะเริ่มเร็วสุดในวันที่ 2 เมษายนนี้
จากประเด็นดังกล่าวทำให้ดัชนี S&P 500 วานนี้ร่วงลงสู่ระดับ 5,521.52 จุด ซึ่งเป็นระดับการปรับฐานลงมาแล้ว 10% จากจุดสูงสุดในรอบนี้ โดยภาพรวมเม็ดเงินช่วงนี้ยังไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรมากขึ้น สะท้อนจากวานนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ลดลง 4.4 bps สู่ระดับ 4.268%
ด้านตลาดหุ้นไทยก็ยังอยู่ในช่วงการปรับฐานเช่นกัน โดยยังขาดความเชื่อมั่นต่อการลงทุน ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่เด่น เช่น วานนี้รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย เดือน ก.พ. ปรับลดลงสู่ระดับ 57.8 จาก 59.0 ในเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรก หลังจากฟื้นตัว 4 เดือนติดต่อกัน
สำหรับ กลยุทธ์การลงทุน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์ ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ยังกดดันในระยะสั้น ดังนั้นอาจยังต้องเพิ่มความระมัดระวัง โดยใช้จังหวะ SET ย่อตัว ค่อยตั้งรับหุ้นที่อยู่ในโซนต่ำ ที่ Valuation กลับมาสู่ระดับที่น่าสนใจ
หุ้นแนะนำวันนี้ BDMS ผู้บริหารมองบวกต่อรายได้ค่ารักษาพยาบาลในช่วง 1Q25 ที่เติบโตจากผู้ป่วยไทย ที่คาดเร่งขึ้น y-y ส่วนรายได้คนไข้ต่างชาติคาดเติบโต 2หลักy-y
ปีนี้คาดกำไรเติบโตราว 8%y-y ส่วนภาพระยะยาวมีแนวโน้มเชิงบวกจากแผนการเพิ่มจำนวนเตียง ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าปี 2027-2029 ที่ 9.600 เตียง ผสานการขยายศูนย์การแพทย์ต่างๆ เช่น โรคซับซ้อน, Wellness เป็นต้น ราคาเป้าหมาย 30 บาท