'Thai ESG Extra' ฟื้นหุ้นไทย บล.กสิกรไทย คาดเงินใหม่เข้า 2 หมื่นล้าน ดันดัชนีพุ่ง 40 จุด

ตลาดฯ ชี้ “กัลฟ์ - อินทัช' ยันติดโผ ”ไทยอีเอสจีเอกซ์ตร้า สมาคม บลจ.ชี้ ครม.เห็นชอบกองทุนไทยอีเอสจีเอ็กซ์ตร้า ให้สิทธิทางภาษีสูงสุด 5 แสนบาท หวังชะลอแรงขาย “แอลทีเอฟ” ด้าน บล.กสิกรไทย คาดหนุนเม็ดเงินใหม่เข้าตลาด 1.5 - 2 หมื่นล้าน ดันดัชนีบวก 35-40 จุด
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับกองทุน ThaiESG และ TESGSX ซึ่งมีรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ SET ESG Ratings และหุ้นไทยที่มีการเปิดรายข้อมูลก๊าซเรือนกระจก 242 บริษัท โดยแบ่งเป็น เรตติ้งระดับ AAA ที่ 56 บริษัท เรตติ้งระดับ AA ที่ 80 บริษัท เรตติ้งระดับ A ที่ 71 บริษัท เรตติ้งระดับ BBB ที่ 21 บริษัท และ GHG Non rating ที่ 14 บริษัท
ขณะที่ในส่วนของหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (GULF) และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)(INTUCH) คาดว่า จะมีการควบรวมเป็นบริษัทใหม่เสร็จภายในเดือนเม.ย.2568 ซึ่งบริษัทใหม่นั้นที่มีการควบรวมกันแล้วยังคงอยู่ใน ESG เรตติ้งระดับ AAA ซึ่งหุ้นตัวใหม่จะยังคงอยู่ในลิสต์ กองทุน ThaiESG และ TESGSX
ด้าน นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน หรือ AIMC เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนกองทุนใหม่ หรือเรียกว่ากองทุน Thai ESG Extra หรือ Thai ESGX ขึ้นมา จะได้สิทธิทางภาษี 300,000 บาท ซึ่งหากเป็นนักลงทุนใหม่จะได้รับสิทธิเต็มจำนวน
ส่วนนักลงทุนใน กองทุน LTF สามารถโอนเงินเข้ามาอยู่ในกองทุน "Thai ESG Extra" ได้ โดยสิทธิกองทุน LTF ที่นักลงทุนจะได้รับ 500,000 บาท โดยในปีแรกนักลงทุนจะได้รับสิทธิทางภาษี 300,000 บาท ในช่วงเวลา 2 จัดตั้งกองทุน ตั้งแต่ พ.ค.- มิ.ย.2568 และ 4 ปีที่เหลือปีละไม่เกิน 50,000 บาท และกองทุน Thai ESG เดิมสิทธิทางภาษี 300,000 บาท รวมทั้งหมดในปีนี้จะได้สิทธิทางภาษี 900,000 บาท
โดยในส่วนของกองทุน LTF นักลงทุนสามารถแจ้งความจำนงกับทาง บลจ.ได้ว่าจะใช้สิทธิทางภาษี และบลจ.จะเป็นผู้ดำเนินการให้ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่ต้องทำการโอนมาทั้งหมดที่มีในทุกๆ บลจ.ที่มีการเปิดกองทุน LTF ซึ่งหากนักลงทุนแจ้งไม่ครบจะเกิดปัญหา ในเงินที่ยังอยู่ในกองทุน LTF จะไม่ถูกโอนมาที่ Thai ESG Extra ใหม่
ขณะที่ ก.ล.ต. อยู่ในช่วงที่มีการพูดคุยกับ AIMC คาดว่า เดือนเม.ย.2568 จะเป็นช่วงไฟลิ่งกับ ก.ล.ต.ในกองทุนใหม่ และ ก.ล.ต.ต้องทำการอนุมัติให้ทันในช่วงเดือนเม.ย.2568 คาด พ.ค.จะทำการขายพร้อมกัน
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนก.พ.2568 มีเงินอยู่ในกองทุน Thai ESG ประมาณ 30,000 กว่าล้านบาท หากเราได้เงินในกองทุน Thai ESG Extra ในระดับเดียวกัน ซึ่งเป็นการประมาณการจากอดีตที่เกิดขึ้น เป็นสถิติที่ใช้ในอดีตที่ผ่านมา และกองทุนนี้มีความชัดเจนของการลงทุนในหุ้น 65% โดยในช่วงที่มีการเปิดขายใน พ.ค.จะมีการอธิบายให้นักลงทุนเข้าใจอย่างเข้มข้น เพื่อให้นักลงทุนรับทราบถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีมากขึ้น โดยทุก บลจ.จะออกกองทุน Thai ESG Extra พร้อมกัน ในเดือนพ.ค.ขณะที่กองทุน LTF เดิมที่ยังคงค้างอยู่ในระบบกว่า 1.8 แสนล้านบาท
นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า คาดThai ESGX ช่วยลดแรง Redemption LTF และอาจมีเม็ดเงินใหม่เข้าหนุนจากการเพิ่มวงเงินหักภาษีเพิ่มอีก 3 แสนบาทต่อคน และจากการ Run Regression เทียบ LTF flow ในอดีตกับ SET Index ย้อนหลัง 2548-2567 พบว่า เม็ดเงินทุกๆ 10,000 ล้านบาท ส่งผลต่อ SET ประมาณ 30-40 จุด
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาการซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในช่วงปีที่ผ่านมา พบว่ามีมูลค่าซื้อสุทธิรวมประมาณ 24,000 ล้านบาท แต่มีสัดส่วนลงทุนในหุ้นต่ำเพียง 30% หรือ 7,200 ล้านบาท ทำให้ผลของเม็ดเงินลงทุนต่อดัชนีมีน้อย
สำหรับกรณี กองทุน Thai ESGX รอบนี้ คาดว่าจะมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาประมาณ 15,000-20,000 ล้านบาท (น้อยกว่าถ้าเทียบกับที่ภาครัฐประเมินจะมีเม็ดเงินใหม่เข้า 30,000 ล้านบาท) เป็นบวกต่อดัชนีปรับขึ้นได้ 35-40 จุด เทียบจากสถิติในอดีต
ทั้งนี้ เราคาดจะเห็นเม็ดเงินส่วนเพิ่มจะหนุนเข้าหุ้นใน SET 100 ที่มี ESG rating ขณะที่หุ้นใน SET 100 ไม่มี ESG rating ต้องระวังแรงขาย เช่น AAV, AEONTS, BCP, BH, CCET, CHG, COCOCO, DOHOME, EA, ERW, IRPC, ITC, JAS, M, PRM, QH, RCL, SISB, SKY, SPRC, TIDLOR, TRUE
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์