ดาวโจนส์ ร่วงกว่า 450 จุด ขณะที่ S&P 500 ลงต่อ ผวาภาษีใหม่ของทรัมป์

ดาวโจนส์ ร่วงกว่า 450 จุด ขณะที่ S&P 500 ลงต่อ ผวาภาษีใหม่ของทรัมป์

ดัชนี S&P 500 ร่วงลงต่อในวันอังคาร นักลงทุนต้องวิตกกำแพงภาษีศุลกากรใหม่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตั้งขึ้น ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าทำให้ดัชนีเกือบจะปรับฐาน

ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท วันอังคาร (11 มี.ค.68) ว่า ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดลดลงร้อยละ 0.76 เหลือ 5,572.07 เมื่อปิดตลาดวันอังคาร ณ จุดต่ำสุดในระหว่างวันดัชนีอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดล่าร้อยละ 10  

ดัชนี Dow Jones Industrial Average ร่วงลง 478.23 จุด หรือร้อยละ 1.14 ปิดที่ 41,433.48

ดัชนี Nasdaq Composite ลดลงร้อยละ 0.18 ปิดที่ 17,436.10

ดัชนี S&P 500 ร่วงลงอย่างหนักท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนในวันอังคาร บรรดานักลงทุนต้องรับมือกับกำแพงภาษีศุลกากรใหม่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตั้งขึ้น ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าทำให้ดัชนีเกือบจะปรับฐาน ซึ่งหมายถึงการลดลงร้อยละ 10 จากจุดสูงสุด

ดัชนี S&P 500 อยู่ในแดนบวกในช่วงหนึ่งของการซื้อขาย ก่อนที่ ทรัมป์ จะประกาศลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social ของเขาว่า ภาษีนำเข้าเหล็ก และอะลูมิเนียมของแคนาดา จะเพิ่มเป็นสองเท่าจาก 25% เป็น 50% โดยจะมีผลในวันพุธ ประธานาธิบดีกล่าวเพื่อตอบโต้ต่อการเก็บภาษีไฟฟ้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐ ของดัก ฟอร์ด มุขมนตรีมณฑลออนแทรีโอของแคนาดา 

ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ฟอร์ด กล่าวว่า เขาจะระงับการเก็บภาษีส่งออกไฟฟ้า 25% เป็นการชั่วคราว หลังจากได้พูดคุยกับฮาวเวิร์ด ลัทนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ

ในที่สุด ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าระดับสูงของทรัมป์ กล่าวกับซีเอ็นบีซี เมื่อบ่ายวันอังคารว่า ทรัมป์จะไม่ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก และอะลูมิเนียมของแคนาดาเป็น 50% อย่างไรก็ตาม ภาษีนำเข้า 25% ที่วางแผนไว้แต่เดิมจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป

นโยบายการค้า ที่ไร้ระเบียบของสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นขององค์กรธุรกิจ และผู้บริโภค และส่งผลกระทบต่อตลาดในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 4% ซึ่งเป็นวันที่ร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ดัชนีดาวโจนส์ซึ่งมีหุ้นอยู่ 30 ตัวร่วงลงเกือบ 900 จุด ในวันเดียวกัน

ธนาคาร Citigroup ได้ลดอันดับความน่าลงทุนของ หุ้นสหรัฐ ลงจาก เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) เป็นคงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) โดยชี้ว่าสาเหตุมาจาก “การแผ่วลงในความโดดเด่นสหรัฐ”

“เห็นได้ชัดว่าฝ่ายบริหารสามารถทนต่อความเจ็บปวดจากการบรรลุเป้าหมายทางการค้าที่ไม่จำเป็นต้องเป็นเชิงเศรษฐกิจทั้งหมดได้” รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทบริการด้านการเงิน Baird กล่าว “ตอนนี้ ผมยังคงอยู่ในค่ายที่คิดว่าเราไม่ได้อยู่ใกล้ภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่บางทีอาจเป็นภาวะชะลอตัวหรือ ความกลัวว่าเศรษฐกิจจะไม่เติบโต การเทขายหุ้นที่ไม่ใช่มาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยมักจะเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ และเบาบางกว่าในภาวะเศรษฐกิจถดถอย”

ความกังวลเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น

สายการบิน Delta Air Linesเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในวันอังคาร เนื่องจากสายการบินได้ปรับลดการคาดการณ์รายได้เนื่องจากอุปสงค์ในสหรัฐ ที่อ่อนแอลง ทำให้ราคาหุ้นลดลง 7.3% หุ้นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางก็ทำตามเช่นกัน โดย Disney และ Airbnb ต่างก็ร่วงลง 5%

พร้อมกับการเคลื่อนไหวทางภาษีศุลกากรแบบไร้ทิศทาง ความคิดเห็นจากฝ่ายบริหารในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาได้กระตุ้นความกลัวของนักลงทุนเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ในวันอังคาร ทรัมป์ดูไม่สะทกสะท้านกับตลาดหุ้นที่ร่วงลงเมื่อเร็วๆ  “ตลาดจะขึ้น และจะลง แต่คุณรู้ไหมว่า ยังไงเราก็ต้องสร้างประเทศของเราขึ้นมาใหม่” เขากล่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับตลาดหุ้น 

นักลงทุนต่างตั้งหน้าตั้งตารอการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งจะประกาศในวันพุธ

“สิ่งสำคัญคือ เราต้องไม่เห็นการปรับขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคแบบเหนือความคาดหมาย เพราะในขณะนี้ เฟดมีกระสุนเพียงพอที่จะลดอัตราดอกเบี้ย และพยายาม กระตุ้นอุปสงค์หากเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ” เมย์ฟิลด์ กล่าวเสริม “แต่พวกเขาจะทำได้จริงก็ต่อเมื่อพวกเขารู้สึกว่า เงินเฟ้อคาดการณ์ และเงินเฟ้อปัจจุบันอยู่ในกรอบ”

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์