หุ้นจีนมาแรง นักลงทุนแห่ทิ้ง ‘สหรัฐ-ญี่ปุ่น’ ซบตลาดแดนมังกร

‘หุ้นจีน’ มาแรง นักลงทุนโยกเงินลงทุนจากหุ้น ‘สหรัฐ-ญี่ปุ่น’ ซบตลาดแดนมังกรดันมูลค่า ‘7 หุ้นเทคจีน’ พุ่ง 40% กว่า 439,000 ล้านดอลลาร์ สวนทาง 7 หุ้นนางฟ้ามูลค่าวูบ 10%
สำนักข่าวนิกเกอิรายงานว่านักลงทุนกำลังลดความสนใจในหุ้นญี่ปุ่นและหุ้นสหรัฐ โดยเฉพาะ “7 หุ้นนางฟ้า” และเปลี่ยนความสนใจไปยังหุ้นยุโรปและจีนมากขึ้น
นักลงทุนเทขาย ‘หุ้นญี่ปุ่น’
วันนี้(7มี.ค.) ดัชนี Nikkei ลดลง 817.76 จุด หรือ 2.2% มาอยู่ที่ระดับ 36,887.17 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะเข้าสู่ภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” และประกอบกับ “เงินเยน” ที่แข็งค่าขึ้น
นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นญี่ปุ่นสุทธิมูลค่า 9.1 ล้านล้านเยน นับตั้งแต่ดัชนีทำสถิติสูงสุดใหม่ ทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาดัชนีลดลงไปกว่า 7.5% และต่ำกว่าระดับสูงสุดตลอดกาลในเดือนก.ค.กว่า 12%
บรูซ เคิร์ก นักวิเคราะห์หุ้นญี่ปุ่นของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่าสถานะการลงทุนสุทธิของต่างชาติได้ลดลงเกือบถึงระดับต่ำสุดหลังจากวิกฤติอาเบะโนมิกส์ในเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งในขณะนั้น ญี่ปุ่นยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย สวนทางสหรัฐและธนาคารกลางอื่นๆ ที่เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ
ปัจจุบันตลาดหุ้นญี่ปุ่นกำลังประสบภาวะซบเซา ซึ่งนักลงทุนต่างชาติยังคงระมัดระวังในการลงทุนในญี่ปุ่นหลังจากเศรษฐกิจเผชิญกับความผันผวน
‘7 หุ้นเทคจีน’ มูลค่าพุ่ง 439,000 ล้านดอลลาร์
ในขณะเดียวกัน ความสนใจของนักลงทุนทั่วโลกได้หันไปที่ตลาดอื่นๆ โดยเฉพาะหุ้นจีน หลังจากที่ DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพ AI จากจีนที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีความใกล้เคียงกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่จากสหรัฐหลายแห่ง
จากข้อมูลการดูแลสินทรัพย์ของ BNY จาก iFlow พบว่าหุ้นจีนมีเงินทุนไหลเข้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนมีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นถึง 439,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเติบโตที่โดดเด่นอย่างมากเมื่อเทียบกับ “หุ้น 7 นางฟ้า” (Magnificent Seven) เป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำตลาด ซึ่งตอนนี้มีมูลค่าลดลงประมาณ 10% จนอาจส่งผลกระทบต่อดัชนี Nasdaq 100 ของสหรัฐ
หุ้นกลุ่ม "7 ยักษ์ใหญ่" ของจีน ได้แก่ Xiaomi, BYD, Semiconductor Manufacturing International, JD.com และ NetEase โดยปัจจุบันทำผลงานโดดเด่นจนมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 40% ในปีนี้
นายเว-เซิร์น ลิง จาก Union Bancaire Privee กล่าวว่าหุ้นเทคโนโลยีจีนที่ทำผลงานได้ดีกว่าหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐนั้นมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น การสนับสนุนจากภาครัฐ รายได้ที่ฟื้นตัว และการเติบโตของเทคโนโลยี AI ในขณะที่หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐที่เคยมีมูลค่าสูงมาเป็นเวลาสองปีนั้นกำลังเผชิญกับผลประกอบการที่น่าผิดหวังและปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคที่กดดันให้เกิดการเทขาย ทำให้เกิดการย้ายเงินลงทุนจากตลาดสหรัฐไปยังตลาดยุโรปและจีน
ความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของหุ้นสหรัฐทำให้นักลงทุนหลายรายมองว่าตลาดหุ้นจีนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ อย่างไรก็ดี ดัชนี Hang Seng Tech ของจีนจะยังคงต่ำกว่าจุดสูงสุดในปี 2564 ถึง 40% และผลตอบแทนในรอบ 5 ปียังน้อยกว่าดัชนี Nasdaq 100 ของสหรัฐมาก
นอกจากนี้ นักลงทุนกำลังจับตาดูเศรษฐกิจในแถบยูโรโซน รวมถึงการขยายตัวทางการคลังของเยอรมนีและแผนการของกลุ่มประเทศยุโรปสำหรับการเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ







