ปัจจัย ตปท.หนุน ‘หุ้นไทย’ฟื้น ดัชนีพุ่ง 31 จุด รับ ‘สหรัฐ’ ลดตึงเครียดภาษี ‘จีน’ กระตุ้นศก.ดันจีดีพี 

ปัจจัย ตปท.หนุน ‘หุ้นไทย’ฟื้น ดัชนีพุ่ง 31 จุด รับ ‘สหรัฐ’ ลดตึงเครียดภาษี ‘จีน’ กระตุ้นศก.ดันจีดีพี 

ปัจจัย ตปท.หนุน ‘หุ้นไทย’ฟื้น ดัชนีพุ่ง 31 จุด รับ ‘สหรัฐ’ ลดตึงเครียดภาษี ‘จีน’ กระตุ้นศก.ดันจีดีพี  “บล.กสิกรไทย” มองทิศทางตลาดยังมีความผันผวนสูง เหตุนโยบายสหรัฐยังมีความไม่แน่นอน

“หุ้นไทย” วานนี้ (5 มี.ค.68) พุ่ง 29 จุด มาอยู่ 1,206 จุด “บล.กสิกรไทย” ชี้หลังท่าทีสหรัฐปะนีปะนอมเจรจาการค้า “จีน” ประกาศ “จีดีพี” ปีนี้โต 5% “บล.ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล” ชี้่ปัจจัยต่างประเทศหนุนหุ้นฟื้น “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” มองดัชนีฯ รีบาวนด์ตามภูมิภาค “บล.ทิสโก้” ตลาดผ่อนคลายจากการขึ้นภาษีของทรัมป์

ปัจจัย ตปท.หนุน ‘หุ้นไทย’ฟื้น ดัชนีพุ่ง 31 จุด รับ ‘สหรัฐ’ ลดตึงเครียดภาษี ‘จีน’ กระตุ้นศก.ดันจีดีพี 

หลังจากที่สหรัฐกลับมาทบทวนภาษีอีกครั้ง ! กับ “แคนาดาและเม็กซิโก” จากที่ได้มีการปรับขึ้น 25% ไปเมื่อ 4 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา บวกกับรายงาน “ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต” หรือ PMI ของประเทศจีน ปรับตัวดีขึ้นกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียและตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรง

ความเคลื่อนไหว “ตลาดหุ้นไทย” วานนี้ (5 มี.ค.2568) ปรับตัวขึ้นแรงช่วงบ่าย 31.12 จุด โดยทำ “จุดสูงสุด” ระหว่างวันอยู่ที่ 1,208.76 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ 1,206.96 จุด พุ่ง 29.32 จุด หรือเพิ่มขึ้น 2.49% ด้วยมูลค่าซื้อขาย (วอลุ่ม) 50,705.33 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดต่างประเทศที่ปรับขึ้นมาตอบรับความกังวลสงครามการค้าคลี่คลายลง เมื่อสหรัฐมีท่าทีประนีประนอมมากขึ้น 

นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า วานนี้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรง 31 จุด ในลักษณะการเด้งรีบาวนด์ขึ้น หลังดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงแรงมาตั้งแต่ต้นปี แม้สหรัฐประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% รวมถึงมีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีกเป็น 20% ซึ่งถือเป็นประเด็นลบต่อทิศทางเศรษฐกิจ การค้า และบรรยากาศการลงทุนโดยรวม

แต่ทางรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ “ฮาวเวิร์ด ลุทนิค” เผยว่าประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” อาจพิจารณาลดภาษีลงหลังจากเม็กซิโกและแคนาดาทั้งสองประเทศมีการติดต่อเข้ามาเพื่อขอเจรจา แม้ “ลุทนิค” ระบุจะยังไม่มีการประนีประนอมเรื่องภาษีสินค้านำเข้าในเร็วๆ นี้ แต่กล่าวว่าข้อตกลงอาจสามารถเกิดขึ้นได้

รวมไปถึงมีประชุมประจำปีของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (NPC) และสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) ซึ่งมีการกำหนดนโยบายเป้าหมายเศรษฐกิจ และทิศทางบริหารประเทศ โดยทางการจีนแถลงเป้าหมายจีดีพีของจีนปีนี้ที่ 5.0% พร้อมปรับ Budget deficit ขึ้นที่ 4% ตั้งเป้ากระตุ้นการบริโภคเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุด

นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า วานนี้หุ้นไทยที่ปรับขึ้นตลอดทั้งวัน หลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ ออกมาพูดว่าอาจจะมีข้อตกลงการค้าที่ดีขึ้นระหว่างแคนาดาและเม็กซิโก หลังจากเมื่อ 4 มี.ค. 2568 มีการขึ้นภาษี 25% หากมีข้อตกลงการค้าได้ว่า เม็กซิโกและแคนาดาจะต้องทำอะไรบ้าง อาจจะทำให้ภาษีที่ขึ้นปรับลดลงมาได้

ขณะที่ PMI ของจีนปรับตัวขึ้นดีกว่าคาด ทำให้หุ้นไชน่าเพลปรับตัวขึ้นแรง และเห็นโฟลว์เงินบาทกลับมาแข็งค่ามีแรงซื้อเข้ามาจากหุ้นที่เริ่มจะขึ้น XD ในช่วงสัปดาห์หน้า ฉะนั้น มองหุ้นปรับขึ้นวานนี้มาจากปัจจัยต่างประเทศระยะสั้น และการขึ้น XD ในระยะสั้น ถ้าจะให้ดีต้องสามารถยืน 1,200 จุดได้ 

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงมาแรงในช่วงที่ผ่านมา ฉะนั้น ทางเทคนิคพร้อมรีบาวนด์ได้อยู่แล้ว บวกกับตลาดหุ้นภูมิภาคฟื้นตัวจากคาดหวังเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-แคนาดา และเม็กซิโก ที่อาจจะมีการประนีประนอม

ดังนั้น หุ้นหลาย ๆ ตัว ที่ถูกเทขายก่อนหน้า ทำให้มีการเด้งกลับมา แต่ยังคงต้องจับตาดูว่า จะสามารถไปได้ไกลแค่ไหน หากกลับมายืน 1,200 จุดได้ เชิงเซนติเมนต์ระยะสั้นก็ถือว่า ทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง แนวต้านหลักอยู่ที่ 1,250-1,270 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ ให้ข้อมูลต่อไปว่า ตลาดหุ้นไทยปรับบวกขึ้นมาได้ หลังจากที่เริ่มมีความหวังจากการเจรจาการค้า หลังจากรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ ได้กล่าวกับ Fox News ว่า ทรัมป์อาจจะมีการผ่อนคลายการขึ้นภาษี แคนาดา เม็กซิโก ในเร็ว ๆ นี้ จึงทำให้ตลาดภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบดอลลาร์อ่อนค่า ทำให้บาทแข็ง ส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติที่ขายสุทธิอยู่อาจจะมีการชะลอตัวได้

ขณะที่ ปัจจัยทางเทคนิคอยู่ในโอเวอร์โซล อาจจะมีการรีบาวนด์ได้จากความหวังการเจรจาทางการค้า แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยอาจจะต้องชะลอการลงทุนไปก่อน