‘บางจาก’ปั้่มยอดขายปีนี้พุ่ง ทุ่มงบลงทุน 5 หมื่นล. รุกซื้อกิจการ

“บางจาก” ดัน “ยอดขาย” พุ่ง ลุย “พลังงานลมเวียดนาม-เหมืองโปแตซ” หนุน “รายได้-กำไร” จากงบลงทุนปีนี้ 5 หมื่นล้าน เน้น “ซื้อกิจการ” พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างการถือหุ้น
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทมี 2 โครงการสำคัญเตรียมเข้าลงทุน ประกอบด้วย 1.โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังผลิต 99 เมกกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท คาดจะใช้เงินลงทุนปีนี้ 1,800 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้ และกำไรเข้ามาในช่วงครึ่งแรกปี 2568
2.การลงทุนเหมืองแร่โปแตซ จังหวัดนครราชสีมา สัดส่วนการลงทุน 65% มูลค่า 4,500 ล้านบาท ทยอยลงทุนตามความคืบหน้าการก่อสร้าง ในปีนี้จะใช้เงินลงทุนราว 500 ล้านบาทจะเริ่มรับรู้รายได้จากเฟส 1 ช่วงไตรมาส 1 ปี 2571 และรับรู้รายได้ครบทั้งโครงการในปี 2572 ส่วนการก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) มูลค่า 8,500 ล้านบาท ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 93% และคาดจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2568
ทั้งนี้ ปีนี้เตรียมงบลงทุน 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนธุรกิจพลังงานสะอาด 20,000 ล้านบาท แม้ปี 2567 จะขายโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นออกไปแล้ว แต่กำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมดในมือยังอยู่ที่ราว 2,000 เมกะวัตต์ ขณะที่ โครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 872 เมกะวัตต์ คาดปี 2568 จะ COD อีก 389 เมกะวัตต์ ,ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ 20,000 ล้านบาท โดยเงินทุนใน 2 กลุ่มนี้ เน้นไปที่การซื้อกิจการ (M&A) เป็นหลักแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
นอกจากนี้ จะลงทุนธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน 4,500 ล้านบาท ขณะที่โรงงานหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันพืชใช้แล้ว (SAF) ที่ใช้เงินลงทุน 8.5 พันล้านบาท มีความคืบหน้า 93% คาดว่าจะเริ่ม COD ภายในไตรมาส 2/68
ด้านธุรกิจการตลาด 2,900 ล้านบาท, ธุรกิจใหม่ 1,600 ล้านบาท และธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ 1,000 ล้านบาท โดยในปี 2568 ผลการดำเนินงานน่าจะเติบโต ทั้ง B100 ที่ราคายังอยู่ในระดับที่ดี และเอทานอล จากต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำ ประกอบกับปีนี้จะผลิตเต็มกำลังการผลิตเอทานอลทั้ง 3 โรง
นายชัยวัฒน์ ยืนยันว่า ตอนนี้บริษัทยังไม่มีแผนทำโครงการซื้อหุ้นคืน เพราะมองว่าธุรกิจยังอยู่ในช่วงขยายการเติบโตและจำเป็นต้องใช้เงินทุนเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจก่อน พร้อมกันนี้ ยังเดินหน้าปรับโครงสร้างการถือหุ้นเตรียมทำเทนเดอร์ฯ BSRC หุ้นที่เหลือทั้งหมด 18.3% กลางเดือน ก.ย.-พ.ย. 2568 นี้
โดยการแลกเป็นหุ้นบริษัทอัตรา 1 หุ้นเพิ่มทุน ต่อ 6.50 หุ้น BSRC ก่อนเพิกถอน BSRC ออกจากตลาดหุ้นไทย ช่วงเดือนธ.ค.2568 คาดหวังลดกระบวนการทำงานให้เกิดความคล่องตัว
สำหรับ แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2568 คาดว่าบริษัทยังเติบโตจากปีก่อน ทางด้านรายได้ยังเติบโต จากตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโตตัวเลข 2 หลัก จากปีก่อนที่ทำได้ 589,877 ล้านบาท ในส่วนด้านกำไรและอิบิทด้า เชื่อว่าไม่ต่ำกกว่าปีก่อน อยู่ที่ 6,071 ล้านบาท หากราคาน้ำมันทรงตัวและค่าการกลั่น (GRM) สามารถยืนได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ จากในช่วง 2 เดือนแรกนี้ ค่าการกลั่นปรับขึ้นอยู่ที่ ระดับ 5-6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปีก่อนที่ 3-4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มองว่า เป็นปีที่น่าสนใจมากอีกปีหนึ่ง ผลักดันผลการดำเนินงานน่าจะดีกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน
สำหรับ แผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ (Crude Run) เติบโต 8% มาอยู่ที่ 280,000 บาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนที่ 258,000 บาร์เรลต่อวัน ด้านปริมาณการขายรวมเพิ่มเป็น 1,210 ล้านลิตร จากปีก่อน 1,150 ล้านลิตร
ขณะที่ ค่าการกลั่น (GRM) คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 5-6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลรวมถึงปริมาณการผลิตน้ำมันและก๊าซฯเป็น 50,000 บาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนที่ 36,000 บาร์เรลต่อวัน
“ปีนี้ยังตั้งเป้าว่ายอดขายจะเติบโตเป็นดับเบิลดิจิท ส่วน EBITDA หากราคาน้ำมันทรงตัว ค่าการกลั่นทั้งปี 68 อยู่ที่ระดับเดียวกับ 2 เดือนแรกของปีนี้ คิดว่าปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่แล้วแน่นอน”
ด้านธุรกิจการตลาด บริษัทตั้งเป้าขยายสถานีบริการน้ำมันใหม่ จำนวน 100 แห่ง จากปีก่อนมีสถานีบริการรวม 2,163 แห่ง เน้นการขยายในพื้นที่ใหม่ๆ ที่กลุ่มบางจากยังไม่ได้เปิดดำเนินการส่วนด้านส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ปีนี้ตั้งเป้าแตะระดับ 30% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 28.8%