ดัชนีราคารถมือสอง ม.ค. ฟื้น หนุนหุ้นแบงก์-ไฟแนนซ์รับอานิสงส์

บล.เอเชียพลัส เผยดัชนีราคารถมือสอง ม.ค. ฟื้น ขยับขึ้น 11.4% MoM และ 6.7%YoY หนุนหุ้นแบงก์-ไฟแนนซ์รับอานิสงส์ หลังผลขาดทุนรถยึดปีนี้ต่ำลงกว่าปีก่อน
ภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.เอเชียพลัส เปิดเผยว่า ดัชนีราคารถยนต์มือสอง ม.ค. 68 บนฐานข้อมูล ธปท.สืบค้น ณ 4 มี.ค. 68 ขยับขึ้น 11.4% MoM และ 6.7%YoY ทั้งรถยนต์นั่งมือสอง +10.5% MoM +13.1% YoY และรถบรรทุกมือสอง +12.0% MoM, +2.1% YoY โดยดัชนีรถบรรทุกมือสอง รวมรถกระบะ ฟื้นตัว YoY ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 (ธ.ค. 67 เพิ่ม 2.6% YoY)
สำหรับการเพิ่มขึ้นของดัชนีรถยนต์มือสอง ม.ค. เชิง MoM เป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่เชิง YoY ยังคงต้องติดตามความต่อเนื่อง เบื้องต้นในมุมฝ่ายวิจัยประเมินว่ามา
จาก
1.ราคารถมือสองที่ปรับฐานมาต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ทำให้ราคาเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น จึงอาจเห็นการตัดสินใจซื้อรถมือสอง แทนรถยนต์ใหม่ ยอดขายรถยนต์ใหม่ ม.ค. 68 อยู่ที่ 48,092 คัน ติดลบ 11% MoM และ 12% YoY
2.มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ อย่างคุณสู้ เราช่วย นโยบายสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่เข้มงวดขึ้นในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ Supply รถยึด เริ่มน้อยลง
ด้านสัดส่วนยอดขาย EV ใหม่ ต่อรถยนต์ใหม่ ม.ค. 68 อยู่ที่ราว 15% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย ก.ค. 66 – ม.ค. 68 ที่ 12% ของรถยนต์ใหม่ เฉลี่ยขาย 6.1 พันคันต่อเดือน
แม้ราคารถ EV มีโอกาสลงเร็วกว่า ICE เพราะราคาแบตเตอรี่ แต่ตามสัดส่วนยอดขาย EV ข้างต้น มองว่ายังไม่ได้มีผลอย่างมีนัยฯ ต่อราคารถยนต์มือสองในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568
โดยฝ่ายวิจัยคงมุมมอง ผลขาดทุนรถยึดปีนี้ต่ำลงกว่าปีก่อน เพราะนโยบายสินเชื่อเข้มงวด และการเร่งระบายรถยนต์ไปจำนวนมาก ในช่วงปีก่อน ทำให้ปริมาณการขาย รถยึดปีนี้มีแนวโน้มลดลง ภาพดังกล่าวช่วยลดแรงกดดันต่อธนาคารพาณิชย์ที่มีพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ เรียงตามสัดส่วน ดังนี้ KKP บันทึกใน OPEX , TISCO TTB ทั้งคู่บันทึกใน ECL และ BAY บันทึกในรายได้อื่น สุทธิจากรายได้หนี้สูญรับคืน
ขณะที่ Non – Bank บันทึกใน OPEX อย่าง TIDLOR และ SAWAD ที่ปีก่อนเผชิญแรง กดดันจากผลขาดทุนรถยึดมากกว่า MTC น่าจะได้ประโยชน์กว่า
ภายใต้ดัชนีราคารถข้างต้น และ Bond yield สหรัฐฯ วานนี้ปรับตัวลงต่อ 4 – 5 bps DoD ดูเป็นมิตรกับ Non – Bank มากกว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ คงเลือก MTC กับ TIDLOR มากกว่า SAWAD
ส่วนธนาคารพาณิชย์ใหญ่ เน้นตั้งรับ KTB, BBL และ TTB เพราะมองว่า Div Yield ระดับ 6-7% ต่อปี และ PBV ต่ำ 1 เท่า ไม่แพง ยังน่าสนใจ ด้านธนาคารพาณิชย์เล็กเลือก TISCO มากกว่า KKP จาก Upside, ROE และ Div yield สูงกว่า







