หุ้นไทยวันนี้ (25 ก.พ.) ปิดตลาดหุ้นลบ 29.46 จุด ผลประกอบการ บจ. ต่ำคาด

หุ้นไทยวันนี้ (25 ก.พ.68) ปิดตลาดหุ้นเย็นอยู่ที่ 1,206.39 จุด ลดลง 29.46 จุด หรือ 2.38% โบรกเกอร์ชี้ ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน จากความกังวลโดนัลด์ ทรัมป์ และผลประกอบการ บจ. ต่ำคาดกว่าครึ่ง
หุ้นไทยวันนี้ (25 ก.พ.68) ปิดตลาดหุ้นเย็นอยู่ที่ 1,206.39 จุด ลดลง 29.46 จุด หรือ 2.38% โดย ดัชนีหุ้นไทย ผันผวนในทิศทางปรับตัวลงตลอดทั้งวัน ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,231.48 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,206.39 จุด และมีมูลค่าซื้อขาย 50,142.44 ล้านบาท
หุ้นไทยวันนี้ ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่
- CPALL ราคาปิด 49.25 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ ลบ 4.83% มูลค่าซื้อขาย 3,202.67 ล้านบาท
- ADVANC ราคาปิด 277.00 บาท ลดลง 9.00 บาท หรือ ลบ 3.15% มูลค่าซื้อขาย 2,665.20 ล้านบาท
- WHA ราคาปิด 3.44 บาท ลดลง 0.26 บาท หรือ ลบ 7.03% มูลค่าซื้อขาย 2,327.83 ล้านบาท
- TRUE ราคาปิด 11.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ ลบ 4.17% มูลค่าซื้อขาย 2,161.87 ล้านบาท
- PTTEP ราคาปิด 115.00 บาท ลดลง 10.00 บาท หรือ ลบ 8.00% มูลค่าซื้อขาย 1,913.82 ล้านบาท
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง กูรูชี้ผลประกอบการต่ำคาด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นมีสาเหตุหลักมาจากทั้งปัจจัยภายนอกเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และปัจจัยภายในคือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยมีสัดส่วนมากกว่าครึ่ง
"ปัจจัยภายในคือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาส่วนใหญ่ต่ำกว่าคาด สัดส่วนเกินครึ่งที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้ประมาณการของตลาดในแง่ของกำไรมีโอกาสที่จะปรับลงต่อเนื่อง" นายอภิชาติ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับกระแสเงินลงทุนจากกองทุน LTF (Long-Term Equity Fund) และนักลงทุนต่างชาติที่อาจมีการขายต่อเนื่อง โดยนายอภิชาติ ระบุว่า "ตอนนี้คิดว่า LTF ก็อาจจะยังเหมือนกับนักลงทุนจะถอดใจ และอาจจะไม่เอาตลาดหุ้นไทย จึงอาจจะเห็นเม็ดเงินจาก LTF และต่างชาติขายต่อเนื่อง"
แนวโน้มการประชุม กนง. และผลกระทบต่อตลาด
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า กนง. น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม แต่จุดสำคัญที่ควรจับตามองคือ คะแนนเสียงที่ลงมติ ซึ่งอาจมีโอกาสที่จะเกิด "เสียงแตก" ได้ หากมีเสียงแตกก็อาจเพิ่มน้ำหนักให้กับการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป
"ผมคิดว่าถ้าเกิดลดดอกเบี้ยจริงจะเป็นผลบวก แต่ว่าต้องดูเหตุผลของทาง กนง. ด้วยว่าที่คงอัตราดอกเบี้ยเพราะอะไร ที่ผ่านมาเขาให้เหตุผลว่ารอความไม่แน่นอนของการขึ้นภาษีก่อน เหมือนกับว่าอยากจะเก็บกระสุนไว้ไม่อยากจะใช้ตอนนี้" นายอภิชาติอธิบาย
ปัจจัยที่น่าติดตามและแนวโน้มดัชนี
นอกจากการประชุม กนง. แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่น่าติดตาม ได้แก่ การประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนซึ่งอยู่ในช่วงโค้งสุดท้าย ตัวเลขดัชนี PCE สหรัฐ ในวันศุกร์ และความคืบหน้าเกี่ยวกับนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์
สำหรับแนวโน้มดัชนี นายอภิชาติให้แนวรับไว้ที่ 1,220 จุด หากหลุดแนวรับนี้ แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ประมาณ 1,200 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,230 จุด โดยกล่าวว่า “โดยภาพรวม SET ยังเป็นแนวโน้มแกว่งลงอยู่ แต่ว่าในจังหวะนี้มันมีโอกาสที่จะเกิดการรีบาวด์ได้เมื่อมีข่าวดีเข้ามาหนุน"
คำแนะนำการลงทุน
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในสภาพตลาดปัจจุบัน นายอภิชาติแนะนำให้มองข้ามขั้นไปบ้าง โดยหากผลการประชุม กนง. ออกมาในเชิงบวกคือ คงดอกเบี้ยแต่มีเสียงแตก กลุ่มหุ้นที่น่าจะแข็งแกร่งกว่าตลาดคือ กลุ่มค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์
สำหรับการเลือกหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แนะนำ AP และ SPALI ส่วนกลุ่มค้าปลีก แนะนำ BJC และ CPALL โดยเฉพาะหากตลาดมีแนวโน้มที่จะเกิดการรีบาวด์ เนื่องจากปัจจุบันหุ้นมี Oversold มากในแง่ของกราฟรายสัปดาห์ และรายวัน
ตลาดหุ้นยังมีโอกาสฟื้นตัวได้หากมีปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมามากจนเกิดภาวะ Oversold ซึ่งอาจเป็นโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาเก็บหุ้นในลักษณะ "Bottom Fishing" หรือการเก็งกำไรจากจุดต่ำสุดได้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







