ดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 400 จุด ตลาดกังวลเศรษฐกิจ

หุ้นสหรัฐร่วงลงในวันพฤหัสบดี หลังจากที่ดัชนี S&P 500 พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันสองวัน เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นชื่อดังบางตัว หลังวอลมาร์ท ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกคาดการณ์แนวโน้มกำไรต่ำ ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับแนวโน้มของเศรษฐกิจ
ซีเอ็นบีซีรายงานภาวะตลาดหุ้นสหรัฐวันพฤหัสบดี (20 ก.พ.68)
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jone Industrial Average ปิดที่ 44,176.65 จุด ลดลง 450.94 จุด หรือ 1.01% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,117.52 จุด ลดลง 0.43% และดัชนี Nasdaq Composite ปิดที่ 19,962.36 จุด ลดลง 0.47%
หุ้น Walmart ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งในดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลงแรง 6.5% หลังจากที่บริษัทระบุว่าคาดว่ายอดขายในปีงบประมาณจะเติบโตระหว่าง 3% ถึง 4% ในขณะเดียวกัน แนวโน้มกำไรของบริษัทในปีงบประมาณ 2026 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แนวโน้มที่อ่อนแอบดบังรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ของบริษัทที่มีกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
ทอม ฟิตซ์แพททริก กรรมการผู้จัดการของโบรกเกอร์ R.J. O’Brien & Associates กล่าวว่า “หาก Walmart ให้แนวโน้มธุรกิจที่ไม่ดี คุณควรใส่ใจเรื่องนี้” “บางทีนี่อาจหมายความว่าผู้บริโภคทั่วไปกำลังหมดตัว”
หุ้นค้าปลีก Target และ Costco ร่วงลงราว 2% ตามWalmart ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลประกอบการในอนาคต
หุ้นบริษัทซอฟต์แวร์ Palantir ซึ่งเป็นหุ้นที่นักลงทุนรายย่อยชื่นชอบร่วงลง 5.2% เช่นกัน โดยปรับตัวลดลงมากกว่า 10% ในสัปดาห์นี้ การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีรายงานว่า พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมให้เตรียมรับมือกับการปรับลดงบประมาณ แผนการขายหุ้นใหม่ของ อเล็กซ์ คาร์ป ซีอีโอก็ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงเช่นกัน
ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจยังส่งผลกระทบต่อตลาด หลังจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจThe Conference Board รายงานว่าดัชนีชี้นำเศรษฐกิจหดตัวลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนมกราคม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลง ขณะที่หุ้นธนาคาร เช่น Goldman Sachs และ Morgan Stanley ลดลง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







