S&P 500 ปิดตลาดสูงสุดต่อเนื่องวันที่ 2 ไม่หวั่นภาษีทรัมป์

ซีเอ็นบีซีรายงาน การซื้อขายตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันพุธ (19 ก.พ.68) ว่า ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.24% ปิดที่ 6,144.15 จุด และเป็นการปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นครั้งที่สอง ติดต่อกันจากวันก่อนหน้า นอกจากนี้ ดัชนียังแตะระดับสูงสุดใหม่ตลอดกาลในการซื้อขายระหว่างวันอีกด้วย ด้านดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.07% ปิดที่ 20,056.25 จุด ขณะที่ดัชนี Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 71.25 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 44,627.59 จุด

ราคาหุ้นของ Microsoft เพิ่มขึ้น 1.3% และนำกลุ่มเทคโนโลยีโดยรวมให้สูงขึ้นหลังจากที่บริษัทเปิดตัวชิปคอมพิวเตอร์ควอนตัมตัวแรก หุ้นTesla เพิ่มขึ้นเกือบ 2% หุ้น Analog Devices พุ่งขึ้นเกือบ 10% หลังจากรายงานผลประกอบการรายไตรมาสออกมาดีเกินคาดทั้งในส่วนของรายรับ และกำไร

 การปรับขึ้นของตลาดหุ้นสะท้อนว่า นักลงทุนมองข้ามความเสี่ยงสงครามการค้าโลก แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะขึ้นภาษีเพิ่มเติม โดยเมื่อวันอังคาร ทรัมป์ได้เสนอแนวคิดที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ ชิป และผลิตภัณฑ์ยา 25% ทรัมป์ไม่ได้ระบุว่าภาษีที่คาดว่าจะจัดเก็บนั้นจะเก็บจากประเทศไหนเป็นการเฉพาะหรือเก็บจากทุกประเทศเป็นการทั่วไป แต่ระบุว่าภาษีดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในวันที่ 2 เมษายน

“ผมคิดว่ามีข่าวมากมายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ, อีลอน มัสก์ และภาษีศุลกากรในระยะสั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณเห็นอยู่ในปัจจุบัน และผมคิดว่าเรื่องเหล่านี้จะยังคงมีอยู่ต่อไป” จิม เอลิออส ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทที่ปรึกษาการลงทุน Elios Financial Group กล่าว “ผลกระทบจากทรัมป์ที่สร้างข่าวพาดหัวข่าวต่างๆ ส่งผลต่อตลาด และก่อให้เกิดความเจ็บปวดบ้าง แต่ในระยะยาว ผมยังคงมีมุมมองเชิงบวกอย่างมากว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อธุรกิจ” เอลิออส กล่าวเสริม

นอกจากนี้ นักลงทุนยังได้ทำความเข้าใจ และประเมินรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐครั้งล่าสุด ซึ่งระบุว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางต้องการเห็นความคืบหน้าเพิ่มเติมในการลดอัตราเงินเฟ้อลง ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม และพวกเขายังกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีของทรัมป์อีกด้วย

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์