CPAXT ฟันกำไรปี 67 ที่ 10,569 ล้าน เพิ่ม 22.3% หลังยอดขาย-กำไรขั้นต้นโตทุกกลุ่ม

CPAXT ฟันกำไรปี 67 ที่ 10,569 ล้าน เพิ่ม 22.3% หลังยอดขาย-กำไรขั้นต้นโตทุกกลุ่ม

CPAXT ฟันกำไรปี 67 ที่ 10,569 ล้าน เพิ่ม 22.3% หลังยอดขาย-กำไรขั้นต้นโตทุกกลุ่ม ขณะที่รายได้รวมทั้งสิ้น 512,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 22,093 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.5

บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 10,569 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,929 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน อนึ่ง หากไม่รวมรายการปรับปรุง กำไรสุทธิจะเป็นจำนวน 10,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,060 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจรวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างเงินกู้ยืมของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก
 

ส่วนรายได้ปี 2567 กลุ่มธุรกิจค้าส่งมีรายได้รวมทั้งสิ้น 279,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 13,426 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.0 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายสินค้าจ านวน 273,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 13,680 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน หนุนจากการขยายตัวของยอดขายในทุกหน่วยธุรกิจ เป็นผลจากการเติบโตของยอดขายของสาขาเดิม (“SSSG”) โดยเฉพาะยอดขาย Omni Channel มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง SSSG ของกลุ่มธุรกิจค้าส่งอยู่ที่ร้อยละ 2.8 และ SSSG ของธุรกิจแม็คโครประเทศไทยขยายตัวร้ อยละ 1.8 รวมถึงการเปิดดำเนินการสาขาใหม่ของธุรกิจแม็คโครในระหว่างปี 2567
 

โดยในปีนี้กลุ่มธุรกิจค้าส่งมีรายได้ค่าบริการจำนวน 4,516 ล้านบาท และรายได้อื่นจำนวน 952 ล้านบาท รวมจำนวน 5,468 ล้านบาท ลดลงจำนวน 261 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ทางบัญชีตามที่ได้กล่าวข้างต้น

สำหรับปี 2567 กลุ่มธุรกิจค้าส่งมีรายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้าจำนวน 524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากการเพิ่มพื้นที่เช่า ทั้งนี้ในระหว่างปีมีการขอคืนพื้นที่เช่าเพื่อปรับปรุงพื้นที่ในบางสาขา

ขณะที่ กลุ่มธุรกิจค้าส่งมีกำไรขั้นต้นรวมจำนวน 31,168 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 3,418 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 11.4 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 10.7 โดยได้รับการสนับสนุนจากการขยายตัวในทุกหน่วยธุรกิจ ทั้งนี้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจแม็คโครประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 11.0 จากร้อยละ 10.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าอาหารสดที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ในปี 2568 บริษัทฯ และบริษัทย่อยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการเติบโตของธุรกิจที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการขยายสาขาทุกรูปแบบ การเพิ่มประสิทธิภาพจากการขาย Omni Channel และการสร้างศูนย์การค้าให้เป็นศูนย์กลางชุมชนที่รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนทุกวัย เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และมูลค่าเพิ่มในสินทรัพย์ได้ดียิ่งขึ้น 

โดยในด้านการขาย Omni Channel บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนต่อยอดขายอย่างต่อเนื่อง โดยการขายนอกร้านผ่านแอปพลิเคชันยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วจากการใช้ข้อมูลเชิงลึกรายบุคคลด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และการวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อดึงดูดและรักษาผู้ใช้งานให้ใช้บริการซ้ำในทุกช่องทาง รวมถึงการขยายพื้นที่ให้บริการซึ่งใช้จุดแข็งของสาขาที่มีกว่า 2,600 สาขาทั่วประเทศ เป็นจุดกระจายและจัดส่งสินค้าเพื่อเพิ่มอรรถประโยชน์ของสินทรัพย์ที่มีอยู่

นอกจากนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นเพิ่มพื้นที่เช่าและปรับโฉมสาขา พร้อมทั้งการบริหารพื้นที่ศูนย์การค้าให้เป็นศูนย์กลางชุมชนที่รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนทุกวัย โดยเฉพาะสาขาในย่านธุรกิจเมืองหลักและพื้นที่กำลังพัฒนาที่มีศักยภาพในการเติบโต ผ่านการน าเสนอในรูปแบบและขนาดตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งเสริมประสบการณ์ใหม่ๆให้กับลูกค้าผ่านการคัดสรรพันธมิตรและผู้เช่าที่ตอบโจทย์ไลฟ์ สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน เช่น ร้านอาหารแนวคิดใหม่ พื้นที่สำหรับกิจกรรมเชิงประสบการณ์ หรือแบรนด์สินค้าที่มีความโดดเด่น

กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่และรายได้จากค่าเช่า พร้อมทั้งเสริมความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ และเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์อย่างยั่งยืน บริษัทฯ เน้นย้ำการนำเสนอสินค้าคุณภาพดีในราคาคุ้มค่า รวมถึงสินค้าทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนกลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (Private label) และสินค้าแบรนด์ในราคาที่คุ้มค่าที่มีจำหน่ายเฉพาะที่แม็คโครและโลตัส (Exclusive brand) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาด และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน 

อีกทั้งการใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจอัจฉริยะและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกช่วยสร้างความเข้าใจในพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด พร้อมผลักดันการเติบโตยอดขายและกำไรขั้นต้นได้ดียิ่งขึ้น