GPSC ปี 67 กำไรดีกว่าคาดที่ 4,062 ล้าน โต 10% ปันผลทั้งปีจ่าย 0.90 บาท

GPSC ปี 67 กำไรดีกว่าคาดที่ 4,062 ล้านบาท โต 10% รับแรงหนุนจากโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่เพิ่มขึ้น 3,057 ล้านบาท อันเนื่องมาจากปริมาณความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำของลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ขณะที่บอรด์ไฟเขียวปันผลทั้งปีจ่าย 0.90 บาท
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในรอบ 12 เดือน ปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิมูลค่า 4,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 368 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยหลักจาก กำไรขั้นต้น 20,984 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,122 ล้านบาท หรือร้อยละ 6 สาเหตุหลักมาจาก โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก
(SPP) ที่เพิ่มขึ้น 3,057 ล้านบาท อันเนื่องมาจากปริมาณความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำของลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทฯ ได้มีการบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิง ทั้งก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าค่า Ft ซึ่งเป็นองค์ประกอบบางส่วน เฉพาะผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าที่ส่งผลต่อราคาขายไฟฟ้าอุตสาหกรรมจะลดลงก็ตาม
แต่บริษัทฯ ยังคงมีโครงสร้างรายได้หลักในส่วนของไฟฟ้า ไอน้ำที่ส่งผ่านต้นทุนได้ โรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) ลดลง 2,021 ล้านบาท เนื่องจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน มีค่าเชื้อเพลิงส่วนต่าง (Energymargin) ลดลง ซึ่งเป็นผลทางบัญชี ที่ราคาต้นทุนถ่านหินเฉลี่ยจากถ่านหินคงคลังสำหรับปี 2567 สูงกว่ารายได้ค่าถ่านหินที่สามารถเรียกเก็บจาก กฟผ.
ขณะที่ปี 2566 ไม่มีขาดทุนจากค่าเชื้อเพลิงส่วนต่าง เนื่องจากหยุดเดินเครื่อง (Reserved shutdown) ตามแผนการเดินเครื่องของ กฟผ. โรงไฟฟ้า SRC มีกำไรขั้นต้นลดลง เนื่องจากในปี 2566 มีการเดินเครื่องโดยใช้น้ำมันดีเซล ขณะที่ในปี 2567 มีการเดินเครื่องด้วยก๊าซธรรมชาติซึ่งมีกำไรผันแปรต่ำกว่าการเดินเครื่องโดยใช้น้ำมันดีเซล ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 2,171ล้านบาท ลดลง 252 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 โดยหลักมาจากค่าที่ปรึกษาพัฒนาธุรกิจลดลง รายได้อื่น สุทธิ จำนวน 1,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 270 ล้านบาท หรือร้อยละ 23
โดยหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้น 459 ล้านบาท หรือร้อยละ 75 จากการบริหารจัดการกระแสเงินสดภายในบริษัทฯ ขณะที่มีการบันทึกการปรับมูลค่าเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าของ บริษัท ไทยโซล่าร์รีนิวเอบิล จำกัด (TSR) ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีและเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดในอนาคตจำนวน 172 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 2567 จำนวน 300 ล้านบาท ลดลง 223 ล้านบาท หรือร้อยละ 43 เนื่องจากมีการปรับปรุงค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ของปี 2566 จากการใช้ประโยชน์ของผลขาดทุนสะสมทางภาษี และภาษีเงินได้รอตัดบัญชี ส่งผลให้ภาพรวมรายการภาษีเงินได้ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2566
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นชอบการจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการประจำปี 2567 เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ประจำปี 2568 โดยบริษัทฯ เสนอจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการประจำปี 2567 จำนวน 0.90 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิที่ร้อยละ 62.5 ทั้งนี้ ประกอบด้วยการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 0.45 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,268,878,215 บาท ซึ่งได้จ่ายแล้วเมื่อ วันที่ 24 กันยายน 2567 และการจ่ายเงินปันผลสำหรับงวด 6 เดือนหลังของปี 2567 จำนวน 0.45 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,268,878,215 บาท โดยมีกำหนดจะจ่ายปันผลดังกล่าวในวันที่ 23 เมษายน 2567 หลังจากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจ าปี 2568