KTC กำไรปี 67 ที่ 7,437 ล้านบาท ตั้งสำรองเพิ่มเร่งตัดหนี้สูญ

KTC  กำไรปี 67 ที่ 7,437  ล้านบาท  ตั้งสำรองเพิ่มเร่งตัดหนี้สูญ

KTC กำไรปี 67 ที่ 7,437 ล้านบาท พอร์ตลูกค้าบัตรชะลอตัวเน้นรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ โดยตัดหนี้สูญที่เร็วขึ้น-ตั้งสำรองสูงขึ้นพร้อมจ่ายปันผล 1.32 บาทขึ้น XD 17 เม.ย.

            บริษัท บัตรกรุงไทย   จำกัด (มหาชน) หรือ KTC  รายงานกำไรสุทธิสำหรับปีปี  2567 เท่ากับ 7,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% จากงวดเดียวกันของปี 2566 ที่มีจำนวน 7,295 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2567  มีรายได้ 27,456   ล้านบาทเพิ่มขึ้น 8 % 

 

        มูลค่าพอร์ตรวมเท่ากับ 111,162 ล้านบาท ลดลง 1.1% (YoY) ท่ามกลางหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง   พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำ 

           ขณะที่พอร์ตสินเชื่อ บุคคลขยายตัวเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทยังคงเน้นเติบโตพอร์ตควบคู่กับการคัดกรองคุณภาพภายใต้ระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยมีสัดส่วนของ NPL Ratio อยู่ภายใต้กรอบเป้าหมายที่ 1.95% ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนหน้าจากคุณภาพพอร์ตที่ดีขึ้น และมี NPL Coverage Ratio ของกลุ่มบริษัท อยู่ที่ 369.3% ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งและเพียงพอต่อการรองรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

          ขณะที่ NPL Ratio และ NPL Coverage Ratio ตามงบเฉพาะกิจการอยู่ที่ 1.64% และ 413.3% ตามลำดับ สำหรับปี 2567 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมเติบโตที่ 8.0% (YoY) จากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียม

          รวมถึงหนี้สูญได้รับคืนที่ขยายตัวได้ดี ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 10.9% (YoY) มาจากค่าใช้จ่ายในการบริหารหลัก ๆ เพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมจ่ายที่สูงขึ้นตามปริมาณธุรกรรมที่ขยายตัว

           สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) เพิ่มขึ้น 14.7% (YoY) เป็นผลจากการตัดหนี้สูญที่เร็วขึ้นตามนโยบายการตัดหนี้สูญใหม่และการตั้งสำรองสูงขึ้นตามหลักความระมัดระวัง

         ขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมีจำนวน 6,762 ล้านบาท เพิ่มขึ้ น 14.7% (YoY) จากการตั้งสำรองตามคุณภาพของลูกหนี้ และการตัดหนี้ สูญที่เร็วขึ้นตามการปรับใช้นโยบายการตัดหนี้ สูญใหม่ในปีนี้

         นอกจากนี้ ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นเป็น 2.8% (YoY) จาก 2.6% ในปีก่อนหน้าเนื่องจากหุ้นกู้บางส่วนที่ครบกำหนดบริษัทมีการออกหุ้นกู้ใหม่ด้วยอัตราดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น กว่าในอดีตเป็นผลให้ค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้น

           อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถการทำกำไรเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่าน ๆ มาทำให้อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้ นปี 2567 อยู่ที่ 1.78 เท่าลดลงเมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้าที่ 2.15 เท่า 

          อัตราการขยายตัวของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรในปี 2567 อยู่ที่ 10.1% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งขยายตัวอยู่ที่ 2.6% ด้วยผลจากกิจกรรมทางการตลาดของบริษัทที่สอดคล้องกับความต้องการของสมาชิก

          อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจที่ผู้บริโภคยังต้องใช้ความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยรวมทั้งการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำ   ทำให้พอร์ตบัตรเครดิตหดตัวลงที่ 0.7% ขณะที่พอร์ตสินเชื่อบุคคลขยายตัวเล็กน้อยที่ 1.1% จากสินเชื่อใหม่ของสินเชื่อ KTC พี่เบิ้มรถแลกเงินที่เพิ่มขึ้น