ตลท.ปรับเกณฑ์ "จำกัดน้ำหนักหุ้น" ลดครอบงำดัชนีกำหนดไม่เกิน 10%

ตลท.ปรับเกณฑ์ "จำกัดน้ำหนักหุ้น" ลดครอบงำดัชนีกำหนดไม่เกิน 10%

ตลท.เปิดเฮียริ่งแก้ปัญหาหุ้นใหญ่ครอบงำดัชนี โดยดึงเกณฑ์ Capped Weight มาใช้กับ SET50, SET100, SET50FF โดยรายหุ้นน้ำหนักไม่เกิน 10% ของดัชนี และ Rebalance เป็นรายไตรมาส

              

           เปิดข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)  เสนอให้พิจารณาจำกัดน้ำหนักหลักทรัพย์รายตัว (Constituent Stock Weight Capping) โดยมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นตั้งแต่ 4 ก.พ. - 17 ก.พ.2568  เพื่อช่วยลดอิทธิพลของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ต่อดัชนี เนื่องจากเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับผลการหารือเบื้องต้นกับผู้ใช้งานดัชนี และผลการศึกษาต่างประเทศ ข้างต้น

           โดยจะพิจารณานำ Capped Weight มาใช้กับ SET50, SET100, SET50FF และ SET100FF ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำการทดสอบ (Index Simulation) พบว่าการจำกัดน้ำหนักหลักทรัพย์รายตัวในดัชนี SET50 และ SET100 ที่ระดับ 10% นั้น สามารถลดอิทธิพลของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

           โดยยังคงรักษาโครงสร้าง และความสามารถในการสะท้อนภาพรวมของตลาดไว้ได้นอกจากนี้ ระดับ 10% ยังสอดคล้องกับข้อกำหนดของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่กำหนดให้กองทุนรวมสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป (Retail Mutual Fund) ไม่สามารถลงทุนในหลักทรัพย์รายตัวเกิน 10% (ประกาศ ทน. 87/2558)

        

             ดังนั้นขอเสนอแนวทางการปรับปรุงการคำนวณดัชนีด้วยการ Capped Weight รายหลักทรัพย์

            ดังนี้ 1. กำหนดให้หลักทรัพย์รายตัวที่เป็นองค์ประกอบในดัชนี SET50, SET50FF, SET100 และ SET100FF มีน้ำหนักไม่เกิน 10% ในแต่ละรอบการคัดเลือก

             2. กำหนดให้มีการ Rebalance น้ำหนักของหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีดังกล่าวเป็นรายไตรมาส และในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างรอบคัดเลือก เช่น กรณีหลักทรัพย์ IPO ขนาดใหญ่

           หรือกรณีควบรวม และซื้อกิจการ (Merger & Acquisition) โดยแนวทางการ Rebalance จะเน้นการลด Index Turnover ที่ไม่จำเป็น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้ดัชนี

           

           สำหรับการจำกัดน้ำหนักหลักทรัพย์ (Capped Weight) ในระดับสากล เพื่อแก้ปัญหาหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลมากต่อดัชนี ตลาดหลักทรัพย์หรือผู้จัดทำในต่างประเทศจึงเลือกใช้การกำหนด Capped Weight ในการคำนวณดัชนี เพื่อจำกัดสัดส่วนของหลักทรัพย์/กลุ่ม หลักทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

            โดยการจำกัดน้ำหนักของหลักทรัพย์ในดัชนีนั้นเป็นมาตรฐานที่ใช้ในหลาย ดัชนีทั่วโลก เช่น EuroStoxx50, HSI, MSCI, CAC40, NASDAQ100 และ Nikkei225 เป็นต้น จากการศึกษาจากดัชนีชั้นนำในต่างประเทศ การใช้ Capped Weight สามารถดำเนินการได้หลาย แนวทาง

           พิจารณาใน 2 มิติหลัก ได้แก่ การจำกัดน้ำหนักในระดับรายหลักทรัพย์ และ/หรือ กลุ่มหลักทรัพย์

           2.1 การจำกัดน้ำหนักในระดับรายหลักทรัพย์ (Constituent Stock Weight Capping) : เป็นแนวทางที่ ใช้กันอย่างแพร่หลายในดัชนีต่างประเทศ เช่น HSI, MSCI, EuroStoxx50 และ NASDAQ100 โดยกำหนดเพดานน้ำหนักของหลักทรัพย์รายตัวให้อยู่ในช่วง 8%-15% เพื่อลดอิทธิพลของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่

         2.2 การจำกัดน้ำหนักของกลุ่มหลักทรัพย์ขนาดใหญ่/กลุ่มอุตสาหกรรม (Top-Weight/Sector/Industry Weight Capping) : มีบางดัชนีที่จำกัดน้ำหนักของกลุ่มหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ เพิ่มเติมจากการจำกัดน้ำหนักรายหลักทรัพย์

           เช่น ดัชนี NASDAQ100 กำหนดให้ 5 หลักทรัพย์ที่มี Market Capitalization สูงสุด (Top 5) มีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 38.5% เพื่อให้แน่ใจว่าดัชนีไม่ถูกครอบงำโดยหลักทรัพย์ขนาดใหญ่เหล่านั้นด้วย

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์