S&P 500 และ Nasdaq ปิดบวก นักลงทุนเมินภาษีทรัมป์

S&P 500 และ Nasdaq ปิดบวก นักลงทุนเมินภาษีทรัมป์

ดัชนี Nasdaq Composite และ S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้นในวันอังคาร ได้แรงหนุนจากหุ้น Palantir ที่พุ่งทะยานขึ้น ขณะวอลล์สตรีทกำลังพยายามหาฐานที่มั่นคงจากสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับสงครามการค้าโลก

 ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นสหรัฐวันอังคาร (4 ก.พ.68) ว่า ดัชนี Nasdaq Composite ที่เน้นเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.35% สู่ระดับ 19,654.02 จุด ขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.72% สู่ระดับ 6,037.88 จุด และ ดัชนี Dow Jones Industrial Average ปรับขึ้น 134.13 จุด หรือ 0.3% สู่ระดับ 44,556.04 จุด

ราคาหุ้นบริษัทซอฟต์แวร์ด้านความมั่นคง Palantir ทะยานขึ้นประมาณ 24% จากผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ และราคาหุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ หุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายอื่นๆ เช่น Nvidia ต่างก็ไต่ตาม Palantir โดยหุ้นยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิปรายนี้เพิ่มขึ้น 1.7% ในการซื้อขาย

 จีนขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐ

รัฐบาลจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้า ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลวจากสหรัฐ สูงถึง 15% และขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ อุปกรณ์เครื่องจักรการเกษตร และรถยนต์บางรุ่น 10% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เพื่อตอบโต้การสหรัฐที่ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% มีผลวันอังคาร 4 ก.พ.68

การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐตกลงที่จะระงับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดา และเม็กซิโกไว้ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ประกาศในโพสต์บนโซเชียลมีเดีย X เมื่อเย็นวันจันทร์ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตกลงที่จะหยุดการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ ประธานาธิบดีคลอเดีย ไชน์บาว์ม ของเม็กซิโก ประกาศว่า ทรัมป์จะระงับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกไปยังสหรัฐ เป็นเวลา 1 เดือนเช่นกัน

ตลาดหุ้นปรับตัวลงจากการซื้อขายที่ผันผวน ซึ่งดัชนีหลักพลิกกลับอย่างโดดเด่นหลังจากเกิดการเทขายทั่วโลกในช่วงแรก ในที่สุด ดัชนีหลักปิดตลาดวันจันทร์ฟื้นขึ้นบางส่วนจากจุดต่ำสุดของวัน แต่ยังอยู่ในแดนลบ ดัชนีดาวโจนส์ซึ่งมีหุ้นอยู่ 30 ลดลง 0.3% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 0.8% ดัชนี Nasdaq Composite ร่วง 1.2%

 คาดตลาดกระทิงยังไปต่อ

เจย์ แฮทฟิลด์ จากกองทุน Infrastructure Capital Advisors มองว่านักลงทุนมีทัศนคติเชิงลบต่อภาษีศุลกากรมากเกินไป โดยระบุว่าดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อาจช่วยชดเชยผลกระทบบางส่วนได้ เขาตั้งเป้าดัชนี S&P 500 ไว้ที่ 7,000 จุดสิ้นปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบ 17% จากราคาปิดตลาดเมื่อวันจันทร์

“นี่เป็นภาษีทางการเมือง ไม่ใช่ภาษีทางเศรษฐกิจ ดังนั้นภาษีเหล่านี้จะไม่คงอยู่ตลอดไป” ซีอีโอของบริษัทกล่าวกับซีเอ็นบีซี “สิ่งที่เราคิด ต่างจากความเห็นพ้องกันของคนส่วนใหญ่คือ ในที่สุดแล้วเราจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่ในอัตรา 5-10% ซึ่งก็ถือว่ายอมรับได้” ซึ่งรวมถึงยุโรปด้วย แฮทฟิลด์ กล่าว

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้เตือนว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีจากทั้งสหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร

“ผู้คนจะวิตกกังวล และเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาจะตระหนักได้ว่า จริงๆ แล้ว ... เราได้รับรายได้จากสิ่งนั้น” แฮทฟิลด์ กล่าวต่อ “ดังนั้น เราจึงค่อนข้างเชื่อมั่นในตลาดมาก”

 ความผันผวนของตลาดจะยังคงดำเนินต่อไป

แต่ เมแกน ฮอร์นแมน จากบริษัทที่ปรึกษาการลงทุน Verdence Capital Advisors เตือนว่า อาจมีความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

“ฉันไม่คิดว่าความผันผวนจะผ่านพ้นไปแล้ว” หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนกล่าวกับซีเอ็นบีซี “เรากำลังเข้าสู่ปีใหม่ เราอยู่ในปีที่สามของตลาดกระทิง หุ้นมีราคาแพง … คุณอาจพูดได้ว่าตลาดรับเอาการประเมินมูลค่าหุ้นไว้สูงอย่างสมบูรณ์แบบ และตอนนี้ก็เริ่มเห็นความเป็นจริงแล้ว”

ฮอร์นแมน คาดว่าความผันผวนจะยังคงดำเนินต่อไปตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 2025

“เรายังคงพยายามหาจุดยึดเหนี่ยวว่า ภาพรวมของเงินเฟ้อเป็นอย่างไร เฟดสามารถทำอะไรได้บ้าง และผู้บริโภคมีความแข็งแกร่งแค่ไหน” เธอกล่าว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์