SCC เผยปี 67 มีกำไร 6,342 ล้าน ลดลง 76% พร้อมจ่ายปันผลอีก 2.5 บาท/หุ้น

SCC เผยปี 67 มีกำไร 6,342 ล้าน ลดลง 76% พร้อมจ่ายปันผลอีก 2.5 บาท/หุ้น

SCC เผยปี 67 มีกำไรสุทธิ 6,342 ล้าน ลดลง 76% จากผลงานปิโตรเวียดนาม - ส่วนแบ่งกำไรบ.ร่วมลดลง ขณะที่ รายได้ทั้งปีโต 2% จากกลุ่มคมิคอลหนุน พร้อมโชว์กระแสเงินสดแกร่ง - บริหารจัดการภายในเข้มข้น พร้อมจ่ายปันผล 2.5 บาทต่อหุ้น รวมทั้งปี 67 จ่ายรวม 5 บาทต่อหุ้น

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยผลประกอบการปี 2567 มีกำไรสุทธิ 6,342 ล้านบาท ลดลง 76% จากปีก่อน เนื่องจากผลประกอบการของโรงงานปิโตรเคมีในเวียดนาม และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ทั้งนี้หากไม่รวมรายการพิเศษ1 (Profit excluding extra items) ในปี 2566 กำไรสำหรับปีลดลง 52% จากปีก่อน

ปี 2567 SCC มีรายได้จากการขาย 511,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจี เคมิคอลส์ (เอสซีจีซี)

ทั้งนี้ SCC มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งจาก EBITDA อยู่ที่ 53,946 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ EBITDA ในปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 54,143 ล้านบาท แม้ว่าสถานการณ์โลกยังอยู่ในช่วงที่ท้าทาย และจากอัตรากำไรของธุรกิจปิโตรเคมียังอยู่ในระดับต่ำ

ทั้งนี้ EBITDAปี 2567 เป็นผลมาจากการบริหารจัดการภายใน มาตรการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง สินค้าปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ และสินค้า SCGC Green Polymer

นอกจากนี้ SCC ได้ดำเนินการมาตรการเร่งด่วนส่งผลทางด้านการเงินและการเพิ่มประสิทธิภาพ

ทั้ง ปรับโครงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจ และการหยุดธุรกิจที่ไม่ทำกำไรในปี 2567 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานซึ่งจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในอนาคต ขณะที่เงินปันผลรับอยู่ในระดับสูง หลัก ๆ จากการลงทุนในธุรกิจอื่น (SCG Investment) ในปี 2567 มีเงินปันผลรับอยู่ที่ 14,063 ล้านบาท โดยเงินปันผลรับในไตรมาสที่ 4 ปี 2567อยู่ที่ 7,671 ล้านบาท หลัก ๆ จากธุรกิจเครื่องจักรกล การเกษตร และธุรกิจยานยนต์ รวมถึงลดเงินทุนหมุนเวียน เงินทุนหมุนเวียนสุทธิในปี 2567 ลดลงประมาณ 6,200 ล้านบาทจากปีก่อน และการลดภาระหนี้สินสุทธิในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ลดลงมาอยู่ที่ 295,104 ล้านบาท จาก 311,881 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 ปี 2567

คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตรา 5 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจำนวนเงิน 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของกำไรสำหรับปี ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับครึ่งปี แรกในอัตรา 2.5 บาทต่อหุ้น และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตรา 2.5 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 มี.ค. 2568