​โบรกยก ‘ท่องเที่ยว-การบิน’ เด่น รับผลบวกไทยผุด ‘เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์’

โบรกจับตา “3 ทุนใหญ่” จ่อชิงเค้กโครงการ “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” หลังผ่านครม. แล้ว “บล.ยูโอบี เคย์เฮียน” ชี้หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว-การบิน-สนามบิน เด่น “บล.พาย” คาดตามสถิติประเทศที่มีการลงทุนเอนเตอร์เทนเมนต์ฯ ช่วยหนุน “จีดีพี” และดึงดูดนักท่องเที่ยว “บล.กรุงศรี” มองกลุ่มได้ประโยชน์เบื้องต้น “หุ้นท่องเที่ยว-สายการบิน”

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุม ครม.เห็นชอบหลักการ ร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอนั้น โดยร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … กำหนดประเภทธุรกิจสถานบันเทิงไว้ 10 ประเภท

ได้แก่ 1.ห้างสรรพสินค้า 2.โรงแรม 3.ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโก้เธค ผับ หรือบาร์ 4.สนามกีฬา 5.ยอชต์และครูซซิ่งคลับ 6.สถานที่เล่นเกม 7.สระว่ายน้ำและสวนน้ำ 8.สวนสนุก 9.พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทย และสินค้า OTOP และ 10.กิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด นอกจากนั้น ยังกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมต่าง อาทิ ใบอนุญาตครั้งแรก ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี ปีละ 1,000 ล้านบาท ต่ออายุใบอนุญาต ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี ปีละ 1,000 ล้านบาท ค่าเข้าสถานประกอบการกาสิโนของผู้มีสัญชาติไทย ครั้งละ 5,000 บาท

โดย “นักวิเคราะห์” มองว่า หากเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์สามารถเกิดได้จริงหุ้นกลุ่มแรกจะได้ประโยชน์คือ กลุ่มท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มสนามบิน และกลุ่มการบิน

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า “กลุ่มเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” มีปัจจัยบวกต่อหุ้น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกเป็น “กลุ่มนักลงทุน” หรือคนที่มีความตั้งใจเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าว ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่จะได้ผลดีทางอ้อมจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

ทั้งนี้ ในกลุ่มของนักลงทุนอาจจะมีหลายกลุ่มด้วยกัน แต่ยังคงต้องพิจารณาหลังจากนี้อีกครั้งว่า ผู้ที่เข้ามาลงทุนจะนำบริษัทหุ้นตัวไหนเข้ามาลงทุน ล่าสุดจะเห็นใน “กลุ่มชิโนไทย-กลุ่มบีทีเอส-กลุ่มปราสาททองโอสถ” และยังต้องดูอีกทีว่าจะนำหุ้นบริษัทจดทะเบียนหลักทรัพย์ (บจ.) ใดเข้ามาลงทุนอีกบ้าง ส่วนในกลุ่มท่องเที่ยว ธุรกิจสนามบิน สายการบิน หรือธุรกิจโรงแรมจะได้ประโยชน์ดังกล่าว 

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดบางข้อของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์โดยเฉพาะในส่วนของ “คาสิโน” ในเรื่องของค่าเข้าสำหรับนักท่องเที่ยวไทยมีการปรับเพิ่มขึ้นจาก 1,000 บาท เป็น 5,000 บาท จึงทำให้มองว่าอาจจะต้องพึ่งนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหลัก และอาจจะไม่สามารถกระตุ้นนักท่องเที่ยวในประเทศได้เท่าไรนัก

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ณ ปัจจุบันยังไม่ได้มีผลชัดเจนว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะช่วยสร้างมูลค่าต่อเศรษฐกิจหรือการจ้างงานเท่าไร และรัฐบาลจะเก็บภาษีได้เพิ่มเท่าไร เนื่องจากตัวเลขเหล่านี้ยังไม่ได้มีการประเมินออกมา

อย่างไรก็ดี เมื่อดูคาสิโนใหญ่ในต่างประเทศ อย่าง ลาสเวกัส มาเก๊า และสิงคโปร์ ที่เริ่มทำเมื่อปี 2010 ปรากฎว่าปีที่มีการเปิดคาสิโนจีดีพีโตขึ้นมาดีมาก และยังทำให้ในปี 2010 มีตัวเลขนักท่องเที่ยวสูงขึ้น

จากข้อมูลเบื้องต้นหากมีการเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะทำดึงดูดการท่องเที่ยวในไทยได้ แต่ในความเป็นจริงจะสามารถทำได้เท่าไรยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะว่ายังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ แต่ในส่วนตลาดหุ้นที่ได้ประโยชน์ กลุ่มสนามบินได้ประโยชน์แรก ๆ อย่าง AOT ส่วนรองลงมา เป็นหุ้น MCOT และมีกลุ่ม BTS และ VGI

นายดิษฐนพ วัธนเวคิน นักวิเคราะห์อาวุโส บล.กรุงศรี กล่าวว่า กลุ่มหุ้นที่มีโอกาสในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หากเกิดเอนเตอร์เทนเมนต์ฯ ขึ้นเบื้องต้นจะเป็นหุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หรือการบิน เนื่องจากจะเป็นตัวดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น โดยหุ้นที่มองกัน อย่าง AOT ที่จะได้ประโยชน์จากจำนวนผู้โดยสาร หรือนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้น หรือในอีกมุมหนึ่งที่ตลาดมองว่ามีโอกาสจะเข้าไปลงทุนในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อย่างกลุ่ม BTS ที่มี VGI อาจจะเข้าไปลงทุน ซึ่งกลุ่มนี้อาจจะมีความร่วมมือกับ BA ซึ่งเป็นผู้ได้สัมปทานการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งถือสนามบินอู่ตะเภาเป็นหนึ่งในทำเลที่มีโอกาสจัดตั้งเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้ เพราะมีการเดินทางที่สะดวก ใกล้สนามบิน และติดทะเล

ส่วนหุ้น MCOT เป็นหุ้นอีกตัวที่ตลาดมองว่า มีโอกาสที่จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้เช่นกัน เนื่องจาก MCOT มีที่ดินข้างสำนักงานแถวบริเวณรัชดา ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่อยู่ใกล้กับสนามบินเช่นกัน การเดินทางสะดวก มีรถไฟฟ้า และยังอยู่ในโซนธุรกิจที่ต่างชาติอยู่บริเวณนั้นค่อนข้างมาก