ปี 67 สรุปผลงาน 10 หุ้น SET100 ปันผลสูงสุด 29% แถมราคายังเป็นบวก

ปี 67 สรุปผลงาน หุ้น SET100 JAS ปันผลสูงสุดในกลุ่ม 29% แถมราคายังเป็นบวก ตามมาด้วย SCB เงินปันผล YTD 8.76% ราคา YTD +11.32%
ปี 2567 เป็นอีกหนึ่งปีที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูง จากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงความไม่สงบในตะวันออกกลาง สงครามรัสเซีย-ยูเครน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยด้านการเมืองของไทยที่ยังเป็นตัวแปรสำคัญ ทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนระส่ำหนัก โดยโฟกัสไปที่ดัชนี หุ้น SET100 ที่ สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น 100 ตัวแรกที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงที่สุด มีสภาพคล่องสูง มักเป็นบริษัทขนาดใหญ่และกลางที่เติบโตสูง และมีอัตราผลตอบแทนปันผลสูง ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา พบ 10 หุ้น ที่ปันผลสูงสุด 29% แถมราคายังเป็นบวก
1.บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) JAS
- เงินปันผล YTD 29.05%
- ราคา YTD +1.90%
- มาร์เก็ตแคป 18,389 ล้านบาท
2.บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) SCB
- เงินปันผล YTD 8.76%
- ราคา YTD +11.32%
- มาร์เก็ตแคป 397,319 ล้านบาท
3.บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) TASCO
- เงินปันผล YTD 6.87%
- ราคา YTD +10.98%
- มาร์เก็ตแคป 28,726 ล้านบาท
4.บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) TCAP
- เงินปันผล YTD 6.37%
- ราคา YTD +1.52%
- มาร์เก็ตแคป 52,692 ล้านบาท
5.ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) KKP
- เงินปันผล YTD 5.80%
- ราคา YTD +4.98%
- มาร์เก็ตแคป 44,667 ล้านบาท
6.บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) STA
- เงินปันผล YTD 5.68%
- ราคา YTD +9.32%
- มาร์เก็ตแคป 27,034 ล้านบาท
7.ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) TTB
- เงินปันผล YTD 5.62%
- ราคา YTD +11.38%
- มาร์เก็ตแคป 181,167 ล้านบาท
8.บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) STGT
- เงินปันผล YTD 5.05%
- ราคา YTD +47.76%
- มาร์เก็ตแคป 28,365 ล้านบาท
9.บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) TLI
- เงินปันผล YTD 4.76%
- ราคา YTD +14.75%
- มาร์เก็ตแคป 120,225 ล้านบาท
10.บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BA
- เงินปันผล YTD 4.46%
- ราคา YTD +42.68%
- มาร์เก็ตแคป 47,040 ล้านบาท
ธนวัฒน์ รื่นบันเทิง หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ปี 2568 ยังคงต้องจับตาแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เนื่องจากที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจไม่ค่อยดีสักเท่าไร ซึ่งคาดว่าภาครัฐมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ โดยล่าสุดมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ซึ่งหุ้นกลุ่มค้าปลีกในช่วงครึ่งปีแรกจะเห็นยอดขายได้ดีขึ้น และหลังจากนั้นคาดว่าภาครัฐจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือโปรเจคใหญ่อย่าง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ถ้ารัฐบาลทำได้จริงน่าจะมีอัพไซด์ขึ้นมาได้บ้าง
ขณะที่ในกลุ่ม SET100 ปี 2568 มองว่า ยังคงไม่ได้ไปไกลมากนัก เนื่องจากกลุ่มพลังงานอยู่ใน SET 100 ค่อนข้างมาก หากย้อนไปดูช่วงที่ผ่านมา หุ้นพลังงานเองไม่ค่อยประสบความสำเร็จด้วยการลงทุนสักเท่าไร ผนวกกับกำไรที่หวังไว้ไม่ได้ตามที่คาดหวัง ดังนั้นจีงกดดัน eps ซึ่งในกลุ่ม SET 100 ปี 2568 ถ้าไม่ใช่กลุ่มพลังงานน่าจะยังคงไปได้
อย่างไรก็ตาม แม้การลงทุนในตลาดหุ้นจะไม่ค่อยสดใส แต่ถ้าเลือกหุ้นเป็นรายตัวที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ โดยเฉพาะหุ้นที่ให้ปันผลได้ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มแบงก์หากเข้าไปดูจะเห็นให้ปันผลได้ค่อนข้างดี ขณะที่ หุ้นกลุ่มอสังหาฯ จะดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร แต่โครงการที่เป็นลักชัวรี่ยังไปได้ และให้ปันผลได้ค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็น SIRI หรือ LH เป็นต้น
นอกจากนี้ แม้พลังงานต้นน้ำจะไม่ค่อยดีสักเท่าไร แต่โรงไฟฟ้าหลายตัวก็ให้ปันผลได้ค่อนข้างดี อย่าง EGCO หรือ RATCH และราคาถือว่า ค่อนข้างถูก ถ้าซื้อและหวังปันผลถือว่าดี
สำหรับใน ปี 2568 สิ่งที่ต้องจับตาและต้องระมัดระวังการลงทุนยังคงต้องดูว่า นโยบายทรัมป์ 2.0 จะส่งผลกระทบจากจีนแค่ไหน และส่งผลมายังไทยมากน้อยอย่างไร เพราะช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า ไทยอยู่ได้เพราะจากส่งออก และท่องเที่ยว ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยยังไม่เต็มร้อยมากนัก
พิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐานสายงานวิจัย บล.บัวหลวง ให้ข้อมูลต่อไปว่า หุ้น SET100 ที่ผ่านมาปี 2567 ส่วนใหญ่ยังคงติดลบตามตลาด ซึ่งเมื่อเทียบกับปลายปี 2566 ดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 1415 จุด ถือว่าไม่ได้การเปลี่ยนแปลงมากนัก ซึ่งหุ้นที่เป็นตัวค้ำดัชนีไว้ยังคงเป็น DELTA และกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งคือ ICT กลุ่มกัลฟ์ เป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องับธุรกิจใหม่ๆ อย่างดาต้าเซ็นเตอร์ ส่วนกลุ่มที่แย่ คือกลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มยานยนต์ กลุ่มอสังหาฯ ที่โดยแรงกดดันภายในประเทศ ทั้งนี้ภาพการลงทุนในหุ้นปี 2568 คาดว่าจะยังคงซึม ๆ
สำหรับ หุ้นปันผลในปี 2568 ยังคงดีอยู่ แต่ไม่อยากให้นักลงทุนโฟกัสแค่ปันผลเพียงอย่างเดียว เพราะแม้จะได้ปันผลดี แต่ราคาหุ้นกลับปรับตัวลงมา เช่นอย่าง กลุ่มออโต้ มีหุ้นบางตัวที่่ปันผลสูงมาก แต่ที่สูงเพราะเนื่องจากว่าราคาปรับตัวลงมาแรง
เพราะฉะนั้นในปี 2568 ธีมการลงทุนในหุ้นบิ๊กแคป หุ้นปันผล หุ้น Defensive โดยเน้นไปยังกลุ่ม ICT ที่มีปันผลสูง แต่ ณ ปัจจุบันราคาค่อนข้างแพง นักลงทุนอาจต้องรอจังหวะลงและเข้าไปซื้อ หรือกลุ่มแบงก์ราคาค่อนข้างถูกมาก
"ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2568 ยังไม่ได้ดีมากนัก เพราะฉะนั้น Outlook มองแข็งแกร่งน้อยลง และหุ้นที่เป็นตัวค้ำดัชนีปี 2567 ราคาก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือแพงไปแล้ว และมีโอกาส ส่วนหุ้นที่ปรับตัวลงมาในปี 2567 ปีหน้าภาพ Outlook ก็ยังแย่ต่อ"
สำหรับธีมการลงทุนหลัก ๆ ในปี 2568 จะมีด้วยกัน 3 ธีม คือ ธีมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากรัฐบาลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึง กนง.ที่คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อ โดยกลุ่มไฟแนนซ์ได้รับประโยชน์ อย่างหุ้น MTC น่าสนใจ เนื่องจากหนี้เสียปรับตัวลดลง ส่วนธีมที่ 2 โฟกัสกำไรไตรมาส 4/67 ที่จะออกมาดี หุ้นที่เด่นคือ CBG และ AOT ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น และธํีมที่ 3 เป็นกลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต โดยหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และโรงไฟฟ้าในนิคมยังไปได้ต่อ เช่นหุ้น WHA AMATA และ WHAUP