จับตา 25 มี.ค.นี้ ขยายเวลาเทรดเร็วขึ้น วงการเงินคาดวอลุ่มไม่พุ่ง

จับตา 25 มี.ค.นี้ ขยายเวลาเทรดเร็วขึ้น วงการเงินคาดวอลุ่มไม่พุ่ง

“วงการเงิน” จับตา 25 มี.ค.นี้ ตลท.ขยายเวลาเทรดช่วงบ่ายเร็วขึ้น 30 นาที “ไพบูลย์” ชี้ช่วยเพิ่มวอลุ่มไม่มาก ย้ำขึ้นกับปัจจัยพื้นฐาน-ความเชื่อมั่นนักลงทุน “บล.หยวนต้า” คาดไร้ผลต่อดัชนีฯ ด้าน “เสี่ยป๋อง-วัชระ” มองน่าจะช่วยเพิ่มวอลุ่มได้ แต่บนพื้นฐานเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว  

วันนี้ (22 มี.ค.) ถือเป็นวันสุดท้ายที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะเปิดให้นักลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ช่วงบ่ายเวลา 14.30-16.30 น. ก่อนที่วันที่ 25 มี.ค.นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขยายเวลาทำการซื้อขายช่วงบ่ายให้เร็วขึ้น 30 นาที

ทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) รวมทั้ง ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) โดยตลาดหุ้นเปิดช่วง Pre- open เป็น 10:30-14:00น. โดยช่วงเวลาทำการซื้อขายตอนบ่ายเป็น 14:00-16:30 น. โดยแวดวงการเงินจับตาจะช่วยเพิ่มปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยได้จริงหรือไม่ ?   
จับตา 25 มี.ค.นี้ ขยายเวลาเทรดเร็วขึ้น วงการเงินคาดวอลุ่มไม่พุ่ง

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้  และนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) กล่าวว่า การขยายระยะเวลาซื้อขายหุ้นในช่วงเวลาดังกล่าว จริงๆ แล้ว ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการเพิ่มปริมาณซื้อขาย (วอลุ่ม) ตลาดหุ้นไทยได้มาก เพราะว่าการตัดสินใจซื้อขายหุ้นของนักลงทุนนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นมากกว่า

ดังนั้น หากตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เชื่อมั่นว่าปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้นแน่นอน ซึ่งปัจจัยฟื้นฐานสำคัญ ทั้งสภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ไม่มีปัจจัยการเมืองในประเทศ และที่จะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) กลับสู่ขาขึ้นอย่างยั่งยืน คือผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ต้องกลับมาขยายตัว และตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องพยายามหาหุ้นศักยภาพสูงเข้ามาจดทะเบียนให้มากขึ้น 

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การขยายระยะเวลาเทรดหุ้นเพิ่มขึ้น 30 นาทีในช่วงเวลากลางวัน คาดยังไม่มีผลเพิ่มวอลุ่มเทรดแต่อย่างใด และไม่ได้ทำให้ตลาดหุ้นผันผวน  รวมถึงไม่น่าจะมีผลต่อดัชนีหุ้นไทย 25มี.ค.นี้ ที่มาตรการนี้เริ่มวันแรก  เพราะว่าระยะเวลาเทรดหุ้นทั้งวันยังเหมือนเดิม  และตัวเศรษฐกิจยุโรปที่ประกาศออมาแล้วไม่น่าจะมีผลเพราะตลาดรับข่าวไปล่วงหน้าแล้ว

โดยมองว่าการเพิ่มวอลุ่มเทรดในตลาดหุ้นไทยได้จริงนั้น มาจากปัจจัยพื้นฐานและความเชื่อมั่นของนักลงทุนเท่านั้น  ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน อย่างเช่น ราคาหุ้นไทยตอนนี้ต่ำกว่าตลาดอื่นๆ และมาตรการเข้มขึ้นของตลท.และก.ล.ต.หากเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้สูงมากจริงจะทำให้วอลุ่มเทรดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นแน่นอน

ดังนั้น คาดว่าดัชนีหุ้นไทย ยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1,395- 1,400 จุด  ซื้อขายที่แนวรับ 1,370 จุด และแนวต้าน 1,400 จุด แนะกลยุทธ์เลือกหุ้นที่โดดเด่นเชื่อมโยงการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่จะออกมา  ได้แก่ ก่อสร้าง สื่อสาร ลงทุนด้าานดืจืทัล ท่องเที่ยว 

นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ “เสี่ยป๋อง” นักลงทุนรายใหญ่ เจ้าของพอร์ตระดับ “พันล้าน” บอกว่า ในวันที่ 25 มี.ค. 2567 เป็นวันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขยายเวลาทำการซื้อขายเร็วขึ้น โดยเปิดการซื้อขายช่วงบ่ายให้เร็วขึ้น 30 นาที จาก 14.30 น. เป็น 14.00 น. เนื่องจากเพื่อให้สอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคมากขึ้น และช่วยให้ผู้ลงทุนมีเวลาในการซื้อขายหลักทรัพย์ และปรับกลยุทธ์ได้ทันกับความเคลื่อนไหวของข่าวสารที่มีมากขึ้น

โดยเริ่มขยายเวลาซื้อขายตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป ซึ่งมีมุมมองว่า น่าจะส่งผลดีในการเพิ่มสภาพคล่องและช่วยเพิ่มวอลุ่มการซื้อขายจากนักลงทุนได้มากขึ้น

สำหรับในมุมของตลาดหุ้นไทย “เสี่ยป๋อง” บอกว่า เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวบ้างแล้ว แต่เป็นแค่เพียงการรีบาวนด์ระยะสั้น เพราะภาพใหญ่ดัชนีหุ้นไทยยัง “ย้ำฐาน” ไม่พ้น 1,440 จุดได้ ซึ่งหากภาวะยังเป็นแบบนี้อยู่ตลาดหุ้นไทยยังไม่เป็น “ขาขึ้น” จนกว่าดัชนีหุ้นไทยจะยืนเหนือ 1,500 จุด

ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยและนักลงทุนกำลังรอความหวัง ในว่างบประมาณจะผ่านสภาฯ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีเม็ดเงินเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนของรัฐบาล และต้องเป็นมาตรการใหม่ๆ หลังจากที่ผ่านมารัฐบาลก็ทยอยออกมาตรการออกมาบ้างแล้ว