ตลท.ลุ้นกำไร บจ. - จีดีพีโค้งแรกฟื้น ดันดัชนี ลุยโรดโชว์ ตปท. เรียกเชื่อมั่น

ตลท.ลุ้นกำไร บจ. - จีดีพีโค้งแรกฟื้น ดันดัชนี ลุยโรดโชว์ ตปท. เรียกเชื่อมั่น

ตลท. จับตากำไร บจ.- จีดีพีไทยไตรมาส 1/67 มีสัญญาณบวก หากฟื้นลุ้นดัชนีหุ้นไทยไปต่อจาก ก.พ. เห็นเงินทุนไหลกลับเข้าหุ้นไทย และตลาดเกิดใหม่ พร้อมเดินสายโรดโชว์ต่างชาติเพิ่มความหลากหลาย ตะวันออกกลาง - สิงคโปร์ - อังกฤษ - ฮ่องกง - สหรัฐ ต่อจากออสเตรเลีย หวังเรียกเชื่อมั่น

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือนมี.ค. ยังรอดูปัจจัยพื้นฐานดี ทั้งกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2567 ที่จะประกาศในเดือนพ.ค.จะชี้แนวโน้มตลาดทั้งปีนี้ ซึ่งปัจจัยพื้นฐานทิศทางเศรษฐกิจไทยมีทิศทางฟื้นตัว พ.ร.บ.งบประมาณผ่านแล้ว น่าจะเริ่มเบิกจ่ายในช่วงเดือนเม.ย.เป็นต้นไป  และช่วงที่ผ่านมาการส่งออก และท่องเที่ยว เริ่มฟื้นตัวดี เงินทุนสำรองธนาคารพาณิชย์แข็งแกร่ง สภาพคล่องยังสูงรองรับการระดมทุน 

ทางด้านแนวโน้มเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ขึ้นกับปัจจัยการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด  ตลาดคาดว่าเฟดไม่น่าจะลดดอกเบี้ยเร็ว ราว 3-4 ครั้งในปีนี้ ทำให้เริ่มเห็นกระแสฟันด์โฟลว์ ออกจากประเทศขนาดใหญ่ ไหลกลับเข้าตลาดเกิดใหม่  แต่ยังเป็นมุมมองเชิงบวกแบบระมัดระวังอยู่  

 


       

 

 
 

"ปัจจัยในประเทศ มีหลายปัจจัยเป็นตัวกำหนด ทั้งกำไร บจ. และดอกเบี้ยนโยบายไทย หากมีสัญญาณที่สร้างความมั่นใจ คาดว่าจะดึงดูดฟันด์โฟลว์เข้ามาได้ ด้วยราคาหุ้นไทยที่ 14-15 เท่า ถือว่าดีกว่าตลาด และช่วงที่ผ่านมานี้ ทั้งส่งออก และท่องเที่ยว เริ่มกลับแล้ว จะทำให้กำไร บจ.ไตรมาส 1 ปี 2567 ฟื้นกลับมาด้วยหรือไม่ หากกลับมา ช่วยดึงดูดเงินลงทุนต่างชาติ ช่วยหนุนดัชนี ปรับขึ้นต่อไปได้ " 

นายภากร กล่าวว่า หลังจากนี้  ตลท.เตรียมเดินสายแนะนำข้อมูลตลาดหุ้นไทย (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูด และเพิ่มสัดส่วนความหลากหลายของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

สำหรับประเทศ ตลท.ที่จะเดินทางไปโรดโชว์หลังจากนี้ ได้แก่ กลุ่มตะวันออกกลาง,สิงคโปร์,อังกฤษ,ฮ่องกง และสหรัฐ ซึ่งจะไปสร้างความเชื่อมั่น และอัปเดตข้อมูลว่าตลาดหุ้นไทยมีการพัฒนาอย่างไรบ้าง

จากช่วงที่ผ่านมา ตลท.ได้เข้าไปโรดโชว์ที่ประเทศออสเตรเลีย จำนวน 2 กิจกรรม ได้แก่ 1.การประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ (2024 ASEAN-Australia Special Summit) ซึ่ง ตลท.ได้ไปร่วมให้ข้อมูลกับกองทุนขนาดใหญ่ของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) กว่า 2 ล้านล้านบาท และ 2.งานอาเซียน-CEO โรดโชว์ ซึ่งเป็นกิจการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ 6 แห่งในอาเซียนร่วมกันจัดขึ้นที่เมืองเมลเบิร์น ซึ่งมีกองทุนจากประเทศออสเตรเลีย ร่วมงานจำนวน 17 กองทุน หรือมีมูลค่า AUM รวมกว่า 6 ล้านล้านบาท

มองว่า กองทุนกลุ่มนี้ ลงทุนหุ้นไทยบ้าง แต่ยังมีมูลค่าไม่มากนัก นับเป็นโอกาสสำคัญของตลท.ที่จะดึงดูดฐานผู้ลงทุนกลุ่มนี้ที่ต้องการเปลี่ยนการลงทุนในจีนมาลงทุนในอาเซียนมากขึ้น ธีมการลงทุนที่สนใจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์,เวลบีอิ้ง,กรีนเอนเนอร์ยี่,โซลาร์ การประหยัดพลังงาน บริษัทที่มีผลคะแนน ESG ค่อนข้างดี ได้รับความสนใจจำนวนมาก  

"เศรษฐกิจไทยตอนนี้เริ่มฟื้นตัว เห็นนักลงทุนต่างชาติ เริ่มกลับมาสนใจประเทศที่ในอดีตเขายังลงทุนค่อนข้างน้อยอยู่ ในอาเซียน และไทยเป็นกลุ่มที่นักลงทุนในออสเตรเลียยังให้ความสนใจในอดีตไม่มากนัก  แต่เมื่อเราโรดโชว์เรื่อง well being หรือ พลังงานทดแทน ได้รับความสนใจจำนวนมาก และอาจต้องกลับไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับอินฟราสตรักเจอร์ และการลงทุนที่อยู่ในพอร์ตกับนักลงทุนออสเตรเลียอีกครั้ง ถือเป็นเรื่องดีต่อตลาดหุ้นไทยที่จะมีตลาดใหม่ๆ ของนักลงทุนต่างชาติมาสนใจหุ้นไทยมากขึ้น"

ทั้งนี้ แม้ว่าปัจจุบันสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้น อยู่ที่ระดับ 50% ถือว่าค่อนข้างสูงกว่าอดีต อยู่ที่ระดับ 35-40% เป็นผลจากที่ ตลท.ขยายฐานผู้ลงทุนในประเทศได้เร็วไม่ทันกับฐานนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งวอลุ่มการซื้อขายของทั้งสองกลุ่มไม่ได้ลดลง แต่เพิ่มขึ้นในระดับที่ค่อนข้างต่างกัน เพราะว่าฐานนักลงทุนต่างชาติโตเร็วมาก จากการไปโรดโชว์ต่างประเทศๆ จะเป็นกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่มีปริมาณการซื้อขายค่อนข้างมาก แตกต่างจากการสร้างฐานผู้ลงทุนในประเทศที่เป็นรายย่อย กำลังพัฒนาการซื้อขาย  ทำวอลุ่มที่เข้ามายังไม่มากนัก 

 "เราถือว่า ประสบความสำเร็จมากเกินไปในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ฉะนั้นจึงต้องกระจายฐานนักลงทุนต่างชาติให้มากขึ้น โดยกลุ่มผู้ลงทุนจากออสเตรเลีย และกลุ่มตะวันออกกลางถือเป็น 2 ตลาดใหม่ ตลท.มีความตั้งใจจะขยายฐานนักลงทุนให้หลากหลายขึ้น เพราะการมีนักลงทุนที่หลากหลายขึ้น เราคาดว่าจะเกิดวิธีการลงทุนที่ไม่เหมือนเดิม "

ส่วนมาตรการดูแล และกำกับบริษัทจดทะเบียนที่ร่วมหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) นั้น  นายภากร กล่าวว่า ปัจจุบันก็เร่งดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็น (เฮียริ่ง) เพื่อนำมาปรับปรุง และยกระดับมาตรการกำกับและดูแลใหม่ๆ ต่อไป เบื้องต้นหากว่าส่วนไหนที่สามารถนำออกมาใช้ได้ก็ก็จะเริ่มใช้เลย แต่อย่างไรก็ดีคาดว่าจะได้เห็นการนำเอามาตรการใหม่ๆ มาเริ่มประกาศใช้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 3 ของปีนี้เป็นต้นไป

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท.กล่าวว่า ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา มีเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลจากการปรับลดคาดการณ์ GDP ไทย โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 ไปอยู่ที่ 2.2-3.2%

ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจมาจากการกลับมาขยายตัวของการส่งออกสินค้าตามการฟื้นตัวของการค้าโลก และการขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภคบริโภคตามการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว โดยนักวิเคราะห์เริ่มปรับประมาณการกำไรของบริษัทในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ราคาหลักทรัพย์กลุ่มดังกล่าวเริ่มฟื้นตัว

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากทั้งใน และต่างประเทศ นักวิเคราะห์ให้คำแนะนำกับผู้ลงทุนเข้าซื้อหุ้นตามธีม High Dividend เพราะนอกจากจะได้รับกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ (Passive Income) หุ้นกลุ่มนี้ยังมีผลตอบแทนชนะ SET Index อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งหุ้น High Dividend ยังมีคุณลักษณะเป็นหุ้นปลอดภัย (Defensive) โดยสังเกตจากค่า Beta ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์