7 หุ้นสุดเปย์ ปันผลสูงจุกๆ มากกว่า 5% ต่อเนื่อง 3 ปี แถมราคาย้อนหลัง 1 ปี เขียวสดใส

7 หุ้นสุดเปย์ ปันผลสูงจุกๆ มากกว่า 5% ต่อเนื่อง 3 ปี แถมราคาย้อนหลัง 1 ปี เขียวสดใส

7 หุ้นสุดเปย์ ปันผลสูงจุกๆ มากกว่า 5% ต่อเนื่อง 3 ปี แถมราคาย้อนหลัง 1 ปี เขียวสดใสหุ้น TIPCO อัตราเงินปันผลตอบแทน 3 ปี สูงสุด

หุ้นที่อัตราเงินปันผลตอบแทนสูง และต่อเนื่อง ยังคงเป็นหุ้นพิมพ์นิยม หรือหุ้นหลุมหลบภัยของนักลงทุน เมื่อยามที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ผันผวน เฉกเช่นตลาดหุ้นไทย ซึ่งจากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุถึง หลักทรัพย์ที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนมากกว่า 5% ตลอด 3 ปี มีอยู่ทั้งสิ้น 59 หลักทรัพย์ และเมื่อโฟกัสเฉพาะหุ้นสามัญ มีเพียง 7 หลักทรัพย์ ที่มีอัตราผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 1 ปี เป็นบวก

7 หุ้นสุดเปย์ ปันผลสูงจุกๆ มากกว่า 5% ต่อเนื่อง 3 ปี แถมราคาย้อนหลัง 1 ปี เขียวสดใส

1.บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPCO 

ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายน้ำแร่ธรรมชาติพร้อมดื่ม ภายใต้เครื่องหมายการค้าหลัก ออรา

  • อัตราเงินปันผล ปี 2566 ที่  9.83%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2565 ที่ 8.56%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2564 ที่ 10.33%
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี +2.72%

2.บริษัท ไฟน์ เม็ททัล เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ FMT 

ประกอบกิจการ ผลิตท่อทองแดงไร้ตะเข็บ และท่อทองแดงที่มีเกลียวภายในท่อ ที่ใช้สำหรับเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น

  • อัตราเงินปันผล ปี 2566 ที่ 7.97%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2565 ที่ 8.33%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2564 ที่ 5.08%
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี +8.59%

3.บริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PT 

ประกอบกิจการให้เช่าอาคารสำนักงาน และลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร และมีผลิตภัณฑ์ที่บริษัทย่อยพัฒนาขึ้นเอง และผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจำหน่ายจากบริษัทชั้นนำของโลก รวมถึงการให้บริการทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศด้านต่างๆ

  • อัตราเงินปันผล ปี 2566 ที่ 6.67%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2565 ที่ 9.78%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2564 ที่ 8.40%
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี +35.51%

4.บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW 

ประกอบกิจการสาธารณูปโภคในการผลิตและจ่ายน้ำประปา

  • อัตราเงินปันผล ปี 2566 ที่ 6.56%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2565 ที่ 6.67%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2564 ที่ 5.26%
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี +1.06%

5.บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP

เป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ซึ่งบริษัทในกลุ่มธนชาตแบ่งประเภทการประกอบธุรกิจออกเป็น 2 กลุ่ม 1) ธุรกิจทางการเงิน ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจประกัน ธุรกิจให้เช่าซื้อ และธุรกิจลีสซิ่ง 2) ธุรกิจสนับสนุน ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจโบรกเกอร์ ธุรกิจบริการ และธุรกิจการพัฒนาฝึกอบรม

  • อัตราเงินปันผล ปี 2566 ที่ 6.26%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2565 ที่ 7.06%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2564 ที่ 7.95%
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี +17.44%

6.บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC

บริษัทดำเนินธุรกิจค้าปลีกเครื่องแต่งกาย และไลฟ์สไตล์ ภายใต้เครื่องหมายการค้าของกลุ่มบริษัท และเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น โดยมุ่งเน้นการเป็นผู้บริหารตราสินค้า บริหารการขาย และการตลาด การออกแบบ จัดหาผลิตภัณฑ์ บริหารคลังสินค้าและการกระจายสินค้า

  • อัตราเงินปันผล ปี 2566 ที่ 6.14%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2565 ที่ 5.71%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2564 ที่ 6.08%
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี +6.78%

7.บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI 

ประกอบธุรกิจด้านรับประกันวินาศภัยอันได้แก่ การประกันอัคคีภัย ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง ประกันภัยยานยนต์ ประกันภัยเบ็ดเตล็ด รวมทั้งการรับประกันภัยต่อ 

  • อัตราเงินปันผล ปี 2566 ที่ 5.08%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2565 ที่ 5.38%
  • อัตราเงินปันผล ปี 2564 ที่ 5.60%
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี +4.41%

กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/66 ภาคการผลิตที่จะออกมา ยังเป็นภาพสะท้อนว่า เศรษฐกิจไทยกำลังค่อยๆ ฟื้นตัวแบบช้าๆ เนื่องจากว่า ไม่ได้เป็นการเร่งเติบโตในทุก segment อย่างเช่น อุตสาหกรรมค้าปลีกผลประกอบการอิงกับเศรษฐกิจฐานราก จึงค่อยๆ ฟื้น ส่วนกลุ่มอสังหาฯ Earnings ยังไม่ค่อยดีมากนัก 

ขณะที่กลุ่มในรายอุตสาหกรรมอื่นๆ แยก segment ในส่วนของกลุ่ม Semiconductor มีทิศทางรายได้ไปกับกลุ่มสมาร์ตโฟนก็จะดี แต่ถ้าในกลุ่มยานยนต์อาจจะมีการชะลอตัว ซึ่ง Earnings มีการกระจายเป็นรายตัวมากกว่า 

โดยคาดว่า การจ่ายปันผลไตรมาส 4/66 หลายๆ หุ้นหลายๆ ตัวน่าจะจ่ายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะเนื่องจากว่า ตลาดได้มีการปรับประมาณการหลังจากงบไตรมาส 3/66 ออกมาเรียบร้อยแล้ว และ Earnings ไตรมาส 4/66 ส่วนใหญ่ไม่ได้มีทิศทางต่ำคาดไปสักเท่าไร จึงทำให้การจ่ายปันผลได้ตามที่ตลาดคาดหมายไว้ โดยกลุ่มที่จ่ายปันผลได้โดดเด่นสุดเป็นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ ที่มีการโอนจากปีที่ผ่านมา ค่อนข้างดี เช่น SIRI SPALI SC ยังคงเป็นกลุ่มหลักอยู่ 

กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน สายงานวิจัย บล.ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า งบไตรมาส 4/66 ออกมาไม่ค่อยดี โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารที่มีการตั้งสำรองมากขึ้นจากเซกเตอร์ก่อสร้าง NPL เริ่มเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยเริ่มสูงขึ้น เนื่องจากว่าอัตราดอกเบี้ยของ กนง. น่าจะอยู่ที่ 2.5% 

ส่วนกลุ่มค้าปลีกที่กำลังจะประกาศงบไตรมาส 4/66 ออกมา คาดว่าจะไม่ดีเช่นกัน เนื่องจากยอดขายในสาขาเดิมไม่ได้ดีมากนัก ไม่ว่าจะเป็น GLOBAL HMPRO DOHOME CPAXT BJC  และ CRC แต่จะมีหุ้นตัวเดียวที่จะมียอดขายจากสาขาเดิมเป็นบวกคือ CPALL 

ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันดิบไตรมาส 4/66 เป็น Sideway to Sideway Down โรงกลั่นอาจจะขาดทุนจากสต็อกน้ำมันดิบ

เพราะฉะนั้นการจ่ายปันผลจะไปสอดคล้อง หากกำไรใน  3 กลุ่มออกมาไม่ดี การจ่ายปันผลอาจจะไม่ได้เพิ่มมากขึ้นจากเดิม ซึ่งคาดว่า ปันผลน่าจะได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา 

“งบไตรมาส 4/66 ออกมาไม่ได้ แถมยังมีความร้อนแรงด้านการเมือง P/E อยู่ที่ 14 เท่า หากเทียบกับของสหรัฐ P/E อยู่ที่ 22 เท่า และ P/BV หรือ Price/Book Value 1.3 เท่า ถือว่าถูกมาก ดังนั้นหุ้นที่จะได้ประโยชน์ในขณะนี้ หุ้นส่งออก ซึ่งคาดว่าจะเป็นเซกเตอร์ที่งบออกมาค่อนข้างดี”

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์