เปิดสถิติรอบ 10 ปี 'ไทย' ซื้อ-ขายทองคำ ทะลุ 63 ตัน ติดท็อป 3 เอเซีย

เปิดสถิติรอบ 10  ปี 'ไทย' ซื้อ-ขายทองคำ ทะลุ 63 ตัน ติดท็อป 3 เอเซีย

เปิดสถิติรอบ 10 ปี 'ไทย' ซื้อ-ขายทองคำ ทะลุ 63 ตัน ติดอันดับ 1 ใน 3 ของเอเชีย เป็นรองแค่เพียงจีนและอินเดียเท่านั้น และติดอันดับ 7 ของโลก เผยทิศทางทองคำปีนี้ มีโอกาสทำราคาสูงสุดใหม่ที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ตลาดทองคำไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในแง่ของการบริโภคทองคำโดยรวม ซึ่งเป็นการรวมกันของการบริโภคทองคำในภาคทองคำแท่งและในภาคการบริโภคเครื่องประดับ หากพิจารณาเฉพาะด้านการลงทุนในทองคำแท่ง พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2558-2565) ประเทศไทยบริโภคทองคำโดยรวมติดอันดับ 1 ใน 3 ของเอเชีย เป็นรองแค่เพียงจีนและอินเดียเท่านั้น และติดอันดับ 7 ของโลก ทำให้ปริมาณความต้องการบริโภคทองคำของไทยโดยเฉลี่ยในปี 2558-2565 อยู่ที่ 63 ตัน แม้ในปี 2563 ที่มีการระบาดของ COVID-19 กระตุ้นให้คนไทยเทขายทองคำ ทำให้การบริโภคทองคำโดยรวมของไทยติดลบมากถึง 81.5 ตัน ซึ่งลดลงจากระดับ 46.5 ตัน ในปี 2562 หรือลดลงมากถึง 275% อย่างไรก็ดี ในปี 2564 – 2565 ปริมาณการบริโภคทองคำโดยรวมของไทยฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 37 และ 38 ตันตามลำดับ

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (YLG)

ทั้งนี้ นับจากเหตุวิกฤต COVID-19 จนถึงปัจจุบันราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนเข้าถือครองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยมองทิศทางการเคลื่อนไหวของทองคำในปี 2567 ภาพใหญ่ยังเป็นขาขึ้น แม้ระยะสั้นจะอาจมีการปรับฐานหลังจากที่ช่วงต้นปีราคาปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก แต่ภาพระยะกลางก็ยังเป็นลักษณะแกว่งตัวขึ้น จึงมองว่าปีนี้ทั้งปีจะมีโอกาสทำราคาสูงสุดใหม่ที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เนื่องจากได้ปัจจัยหนุนจากนโยบายดอกเบี้ยขาลงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจากทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้นนี้จึงคาดว่าในปี 2567 จะมียอดผู้ใช้งานผ่าน Gold wallet บนแอปฯเป๋าตัง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากกว่า 1 เท่า
 

อย่างไรก็ดี  YLG ได้ขยายช่องทองการเข้าถึงทองคำให้ผู้บริโภคได้สะดวกและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลมากขึ้น โดยได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพิ่มช่องทางซื้อขายทองคำที่สะดวกผ่าน Gold wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนในการซื้อ-ขายทองคำความบริสุทธ์ 99.99 ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง ด้วยราคาเรียลไทม์ ซื้อ-ขายทองต่อครั้งด้วย ขั้นต่ำ 0.1 ออนซ์ สูงสุดแบบเต็มเพดาน ได้สูงสุดถึง 700 ออนซ์ หรือ 20 กิโลกรัม 

ทั้งนี้จากการเปิดให้บริการ Gold wallet บนแอปฯเป๋าตัง พบว่า สามารถช่วยเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนเจนเนอเรชันใหม่ให้เข้าถึงการลงทุนในทองคำได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่อายุต่ำกว่า 40 ปี ที่ในปี 2565 มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 40% แต่ล่าสุด สัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเป็นเกือบ 60% ซึ่งถือว่าบริการ Gold wallet มีส่วนทำให้นักลงทุนรุ่นใหม่เข้าถึงการลงทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ 

อย่างไรก็ดีสัดส่วนนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นมานี้ครอบคลุมนักลงทุนในลงทุนออนไลน์ของ YLG ผ่านแอปฯ Get Gold แอปฯ สำหรับมือใหม่ที่สามารถเริ่มต้นซื้อขายทองคำได้เพียง 100 บาท และแอปพลิเคชันตัวใหม่ YLG Gold Investment ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันแรกของไทยที่จะยกระดับการลงทุนในทองคำที่สามารถซื้อขายทองคำได้ถึง 5 สกุลเงิน ประกอบด้วย ดอลลาร์สหรัฐ หยวน ดอลลาร์สิงคโปร์ ยูโร และเงินบาท