ดาวโจนส์พลิกดีดบวก หลังร่วงกว่า 100 จุดช่วงแรก

ดาวโจนส์พลิกดีดบวก หลังร่วงกว่า 100 จุดช่วงแรก

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์(8ม.ค.)พลิกดีดตัวสู่แดนบวก หลังร่วงลงกว่า 100 จุดในการซื้อขายช่วงแรกเพราะได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาหุ้นโบอิ้ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 216.90 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 37,683.01 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 1.41% ปิดที่ 4,763.54 จุดและดัชนีแนสแด็ก ทะยาน  2.2%  ปิดที่ 14,843.77 จุด

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในการซื้อขายช่วงแรก โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาหุ้นโบอิ้ง

ราคาหุ้นโบอิ้งดิ่งลงกว่า 9% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันนี้ หลังจากที่สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) มีคำสั่งระงับการใช้งานเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย

FAA ออกคำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 6 ม.ค. เพียงหนึ่งวันหลังเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 ของสายการบินอลาสก้า แอร์ไลน์ประสบเหตุชิ้นส่วนบริเวณผนังเครื่องบินหลุดกลางอากาศ หลังเพิ่งออกเดินทางจากสนามบินในเมืองพอร์ตแลนด์ของรัฐออริกอนในสหรัฐได้ไม่นาน ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่บริเวณลำตัวเครื่องบิน และต้องร่อนลงจอดฉุกเฉิน

นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังถูกกดดัน หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสูงกว่าคาดเมื่อวันศุกร์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานกว่าที่คาดไว้

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 216,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นจากระดับ 173,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.8%

นักลงทุนลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.2567 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่สูงกว่าคาด

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 60.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค.2567 หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้น้ำหนักมากถึง 73.4%

ตลาดจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนธ.ค.ในวันพฤหัสบดีเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ