เปิด 6 CEO หุ้นแสนล้านสุดแกร่ง โชว์ผลตอบแทนราคา 1 ปี บวกฉ่ำๆ

แม้ในปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับธุรกิจและนักลงทุนใน ตลาดหุ้นไทย แต่ยังมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ระดับมาร์เก็ตแคปเกิน 1 แสนล้านบาท ที่ยังสามารถผ่านวิฤกตเศรฐกิจและทำให้หุ้นของบริษัทมีอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังในรอบ 1 ปีเป็นบวกได้ ซึ่งแน่นอนว่าส่วนหนึ่งหรือส่วนใหญ่มาจากฝีไม้ลายมือของ CEO หรือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของบริษัทจดทะเบียนเหล่านั้น ที่สามารถสร้างผลงานออกมาได้อย่างดีเยี่ยม 

ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มี มาร์เก็ตแคประดับแสนล้านขึ้นไป  มีผลตอบแทนราคา 1 ปี บวก ด้วยกัน 6 หลักทรัพย์ 

เปิด 6 CEO หุ้นแสนล้านสุดแกร่ง

1.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT

• อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
• มาร์เก็ตแคป 1,013,986 ล้านบาท 
• ผลตอบแทนราคา 1 ปีที่  +7.63%
• อัตราเงินปันผลตอบแทน ปี 2566 ที่ 5.59%
• P/E 10.37 เท่า 
• ราคา 4 ม.ค.2567 ที่ 35.50 บาท 

ล่าสุด PTT จัดตั้งบริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้นทางอ้อม 100% มีมติอนุมัติให้ Arun Plus จัดตั้งบริษัท เอ ซี เอนเนอร์ยี่ โซลูชั่น จำกัด (A C Energy Solution) ด้วยทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1,851 ล้านบาท โดย Arun Plus ถือหุ้นในสัดส่วน 100% เพื่อดำเนินธุรกิจโรงงานประกอบแบตเตอรี่ 

โดยใช้เทคโนโลยี Cell-To-Pack เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ซึ่งสอดคล่องกับกลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต ของกลุ่ม ปตท. โดยการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้วเสร็จในวันที่ 3 ม.ค.2567 และมีแผนเริ่มดำเนินการผลิตภายในปี 2567

นอกจากนี้ Arun Plus มีแผนร่วมทุนกับบริษัทที่มีประสบการณ์และความรู้ความเชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่รถยนต์ฟ้า เพื่อยกระดับความสามารถของ A C Energy Solution ในอนาคต

2.บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC 

• สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
• มาร์เก็ตแคป 651,352 ล้านบาท 
• ผลตอบแทนราคา 1 ปีที่ +12.60%
• อัตราเงินปันผลตอบแทน ปี 2566 ที่ 3.54%
• P/E 22.12 เท่า 
• ราคา 4 ม.ค.2567 ที่ 219.00 บาท

ล่าสุด บล.ดาโอ คาดว่า 4Q23E กำไรเติบโต YoY จากการแข่งขันลดลงและคุมค่าใช้จ่าย ส่วน QoQ ทรงตัว จาก negative impact ของ 3BB ในช่วงแรก โดยประเมินกำไรปกติ 4Q23E ที่ 7.6 พันล้านบาท (+17% YoY, ทรงตัว QoQ) YoY เติบโตจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาดีขึ้นหนุนรายได้เติบโต ควบคู่กับการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี 

ส่วน QoQ ทรงตัวแม้เข้าช่วง high season แต่ถูกกดดันจากดีล 3BB ทั้งนี้ประเมินรายได้จากบริการหลักในส่วนของ AIS ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท (+3% YoY, +3% QoQ) Mobile Business คาด ARPU มีทิศทางดีขึ้น YoY จากการแข่งขันที่ลดความรุนแรงลงและเข้า high season (3Q23 ARPU 216 บาท) ในขณะที่ Subs คาดทรงตัว QoQ (4.5 ล้าน subs) ส่วน FBB ยังมี momentum ที่ดีจากไตรมาสก่อน ARPU และ Subs ยังมีทิศทางที่เพิ่มขึ้น QoQ (3Q23 ARPU 428 บาท, 2.4 ล้าน Subs) 

นอกจากนี้ เบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2024E ที่ราว 2.9 พันล้านบาท (ทรงตัว YoY) แม้แนวโน้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น อย่างไรก็ตามผลประกอบการ 3BB ยังคงขาดทุน และ ภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นของ ADVANC หลัง funding ดีลดังกล่าว

3.ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL

• ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่
• มาร์เก็ตแคป 294,916 ล้านบาท 
• ผลตอบแทนราคา 1 ปีที่ +2.32%
• อัตราเงินปันผลตอบแทน ปี 2566 ที่ 2.88%
• P/E 7.31 เท่า 
• ราคา 4 ม.ค.2567 ที่ 154.50 บาท

บล.ดาโอ ประเมิน หุ้น BBL ราคาเป้าหมายที่ 205.00 บาท อิง 2024E PBV ที่ 0.70x (-0.75SD below 10-yr average PBV เพราะกำไรสุทธิปี 2023E อยู่ที่ 4.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นได้โดดเด่นที่สุดในกลุ่มถึง +39% YOY และ BBL ยังมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่รองรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ดี่กว่าคู่แข่ง เพราะมี coverageratio อยู่ในระดับสูงที่สุดในกลุ่มที่ 285% 

ขณะที่ราคาหุ้นมีโอกาส Outperform ได้เพราะในอดีตเมื่อระดับกำไรยืนเหนือ 1 หมื่นล้านบาทต่อไตรมาส ราคาหุ้นจะขึ้นไปซื้อขายที่ระดับเกิน 200.00 บาท ด้าน Valuation ยังน่าสนใจโดยเทรดที่ PBV เพียง 0.55x หรือที่ระดับ - 1.25SD ย้อนหลัง 10 ปี

4.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB

• ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่
• มาร์เก็ตแคป 257,160 ล้านบาท 
• ผลตอบแทนราคา 1 ปีที่ +3.37%
• อัตราเงินปันผลตอบแทน ปี 2566 ที่ 3.71%
• P/E 6.66 เท่า 
• ราคา 4 ม.ค.2567 ที่ 18.40 บาท

ล่าสุด ธนาคารกรุงไทย จัดแคมเปญโอนเงินต่างประเทศ 4 สกุลเงินหลัก ปอนด์ ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สิงคโปร์ และดอลลาร์ฮ่องกง ผ่าน Krungthai NEXT รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ ค่าธรรมเนียมโอนเงินเพียง 99 บาทต่อรายการ และคูปองลาซาด้า 200 บาท โอนผ่านสาขาค่าธรรมเนียมเพียง 299 บาท ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิ.ย. 2567

5.บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH 

• ลินดา ลีสหะปัญญา กรรมการผู้จัดการ
• มาร์เก็ตแคป 176,465 ล้านบาท 
• ผลตอบแทนราคา 1 ปีที่ +3.74%
• อัตราเงินปันผลตอบแทน ปี 2566 ที่ 3.71%
• P/E 25.86 เท่า 
• ราคา 4 ม.ค.2567 ที่ 224.00 บาท

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมิณกำไรไตรมาส 4/2566 ของ BH จะอยู่ที่ 2,012 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเติบโต 3% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยคาดการณ์รายได้อยู่ที่ 6,880 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 

โดยได้แรงสนับสนุนจากสัดส่วนต่างชาติอยู่ที่ 66% ทำให้รายได้ต่างชาติอยู่ที่ 4,541 ล้านบาท และรายได้คนไข้ไทยอยู่ที่ 2,339 ล้านบาท ส่วนการเติบโตของรายได้มาจากจำนวนคนไข้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น ทั้งโรคทั่วไป และโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ จากมลพิษ PM 2.5 รวมถึงการตรวจสุขภาพประจำปีอีกด้วย

และ ปี 2567 จะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องโดย BH จะเพิ่ม capacity ในการเปิดตึก Annex ในปีนี้ซึ่งจะสามารถขยายการรับรองคนไข้ได้เพิ่มขึ้น และเพิ่มเตียง ICU ราว 12 เตียงในช่วงกลางปี 2567 ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองที่ BH จะเติบโตในปีนี้และมองว่า pent-up demand ของคนไข้ทั้งในไทยและต่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้มองว่าสงครามที่ตะวันออกกลางมีผลกระทบจำกัดต่อ BH โดยปัจจุบันคนไข้ตะวันออกกลางยังคงเดินทางมารักษาที่ BH

ขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยที่เร่งการเติบโตของบริษัทจาก medical tourism visa ที่ทำให้ผู้ป่วยต่างชาติเข้า-ออกประเทศสะดวกมากขึ้น และการที่เริ่มเป็นที่รู้จักในซาอุฯและโอมานอาจทำให้ผู้ใช้บริการมากกว่าที่คาดการณ์ นอกจากนี้ โรงพยาบาลที่ภูเก็ตคาดจะเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ซึ่งจะขยายฐานลูกค้าและการเติบโตของ BH

6.ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB

• ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
• มาร์เก็ตแคป 161,188 ล้านบาท 
• ผลตอบแทนราคา 1 ปีที่ +17.73%
• อัตราเงินปันผลตอบแทน ปี 2566 ที่ 4.35%
• P/E 9.24 เท่า 
• ราคา 4 ม.ค.2567 ที่ 1.66 บาท

บล.แลนด์ แอน เฮ้าส์ คาดว่า TTB กำไร Q4/66F ยังโต +11% YoY แม้สินเชื่อคาดว่าหดตัว ทั้งนี้เป็นผลบวกจากปรับ asset mix เพิ่มสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนสูงช่วยหนุน ส่งผลให้คาดกำไรทั้งปี 66 ยังโตสูง +26% YoY ยังคงดำเนินกลยุทธ์ Balance sheet optimization, Cost & Revenue synergy ต่อ ยังเห็นบวกชัดเจนต่อเนื่อง ช่วยดันกำไรปี 66 และ 67 พร้อมยังเชื่อมั่นว่าบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี ราคาปัจจุบันมี upside ราว 19% แถมมีปันผลสูง แนวรับ 1.63/1.65 แนวต้าน 1.7/1.74