คดีหุ้น STARK ดีเอสไอสอบพบพิรุธอื้อ มียักเข้าบัญชีส่วนตัว ส่งฟ้องรวม 11 ราย

คดีหุ้น STARK ดีเอสไอสอบพบพิรุธอื้อ มียักเข้าบัญชีส่วนตัว ส่งฟ้องรวม 11 ราย

“ดีเอสไอ” เปิดเส้นทางเงินคดีหุ้น STARK พบพิรุธอื้อ เผยมียักย้ายเข้าบัญชีส่วนตัว พร้อมมีคำสั่งส่งฟ้องรวม 11 ราย

กระบวนการเอาผิดหุ้นอภิมหาโกง บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น(STARK) ที่สั่นสะเทือนไปทั้งวงการตลาดทุน ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) มีคำสั่ง “ส่งฟ้อง” ผู้ต้องหารวม 11 คน ในความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และฐานฉ้อโกงประชาชน รวมถึงความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยมีเอกสารพยานหลักฐานทั้งสิ้นจำนวน 22 ลัง 140 แฟ้ม 52,968 แผ่น

นอกจากการดำเนินคดีอาญาดังกล่าว คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังพบว่ามีการนำเงินจำนวน 10,000 ล้านบาท โอนเข้ากลุ่มบริษัทของผู้ต้องหาเพื่อไปชำระหนี้เจ้าหนี้การค้า รวมทั้งยักย้ายถ่ายเทเข้าบัญชีส่วนตัวอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งได้ส่งข้อมูลให้ สำนักงาน ปปง. พิจารณาดำเนินการติดตามยึดทรัพย์สินดังกล่าว เพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 49 วรรคท้าย ต่อไป  

คดีหุ้น STARK ปมพิรุธเริ่มเห็นตั้งแต่เดือนเม.ย.2566 ที่อยู่ๆ บอร์ดบริษัทพร้อมใจกันลาออกถึง 7 คน นำทีมโดย “นายชนินทร์ เย็นสุดใจ” ประธานกรรมการบริษัท ซึ่งถือเป็นแกนนำคนสำคัญในการบริหาร STARK 

การลาออกของบอร์ดทั้ง 7 คนในคราวนั้น ทำให้คนวงการตลาดทุนเริ่มตั้งคำถามและจับตาดูหุ้น STARK อย่างใกล้ชิด 

กระทั่งต่อมาไม่นานหลังจากนั้น STARK ได้ขอเลื่อนส่งงบการเงินประจำปี 2565 ทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องสั่งหยุดการซื้อขายหุ้น STARK จนความมาแตกในท้ายที่สุดว่า มีกระบวนการฉ้อโกงเกิดขึ้นภายในบริษัท

ผลการตรวจสอบของ DSI พบความผิดปกติของเส้นทางเงินจากการขายหุ้นกู้รวม 3 ครั้ง และการเพิ่มทุนอีก 1 ครั้ง คิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 16,215 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • เงินจากการขายหุ้นกู้เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2564 รวม 2,221 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ถูกโอนออกไปยังบริษัทต่างๆ ในเครือ แต่มีก้อนหนึ่งราว 2,075 ล้านบาท ที่โอนไปต่างประเทศ
  • เงินจากการขายหุ้นกู้เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2565  รวมกว่า 4,483 ล้านบาท ในจำนวนนี้ถูกโอนไปต่างประเทศราว 3,194 ล้านบาท และโอนไปยังกลุ่มผู้ต้องหาและพยานในคดี 5.25 ล้านบาท
  • เงินจากการเพิ่มทุนเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2565 จำนวน 5,580 ล้านบาท ในจำนวนนี้ตรวจพบว่ามีการโอนเข้าบริษัทในเครือราว 2,500 ล้านบาท และบางส่วนที่นำไปจ่ายภาษีสรรพากร 19.3 ล้านบาท
  • เงินจากการขายหุ้นกู้เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2565 มูลค่ารวมกว่า 3,931 ล้านบาท ซึ่งก้อนนี้มีความน่าสนใจตรงที่ พบการโอนเงินไปยังบัญชีของ กรรมการ STARK รายหนึ่งมูลค่ากว่า 741 ล้านบาท และเงินจำนวนนี้บางส่วนยังถูกโอนต่อไปยังผู้บริหารของ STARK อีก 2 ราย หนึ่งในนั้นมีผู้หญิงรวมอยู่ด้วย

ผู้ที่ถูก DSI ดำเนินการกล่าวโทษทั้ง 11 คน ประกอบด้วย 

1.นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ 

2.นายชินวัฒน์ อัศวโภคี 

3.นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ 

4.นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม 

5.บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น 

6.บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด 

7.บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด 

8.บริษัท ไทยเคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 

9.บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด 

10.นางสาวยสบวร อำมฤต 

11.นายชนินทร์ เย็นสุดใจ (อยู่ระหว่างหลบหนี)