ดาวโจนส์พลิกพุ่งกว่า 100 จุด ขานรับดัชนีความเชื่อมั่นสูงเกินคาด

ดาวโจนส์พลิกพุ่งกว่า 100 จุด ขานรับดัชนีความเชื่อมั่นสูงเกินคาด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(8ธ.ค.)พลิกพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ขานรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด

นอกจากนี้ นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟท์แลนดิ้ง หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่งในวันนี้

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 130.49 จุด หรือ 0.36% ปิดที่ 36,247.87 จุด
  • ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 18.78 จุด หรือ 0.41%  ปิดที่ 4,604.37 จุด
  • ดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 63.98 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 14,403.97 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลงในช่วงแรก หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงเกินคาด ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 69.4 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. และเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน

ดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 62.0 จากระดับ 61.3 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน

ผู้บริโภคเพิ่มความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ขณะที่คลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.1% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า จากระดับ 4.5% ในการสำรวจเดือนที่แล้ว

นอกจากนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 2.8% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า จากระดับ 3.2% ในการสำรวจเดือนที่แล้ว

นักลงทุนยังคงเทน้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า แต่ลดน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนมี.ค.2567 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงเกินคาด

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 98.2% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค.2566 และให้น้ำหนัก 92.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนม.ค.2567

อย่างไรก็ดี นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 45.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนมี.ค.2567 จากเดิมที่ให้น้ำหนัก 55.4% เมื่อวานนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 51.7% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนมี.ค.2567 จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 35.4% เมื่อวานนี้

กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นจากระดับ 150,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.

อัตราการว่างงาน ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

เมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.4% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด อยู่ที่ระดับ 62.8%